Table of Contents

คลังความรู้บัญชี ภาษี และโปรแกรมบัญชีออนไลน์

ติดตามข้อมูลข่าวสาร บทความน่ารู้ด้านบัญชี ภาษี การเงิน และธุรกิจที่เป็นประโยชน์ สำหรับผู้ประกอบการและนักบัญชี

ทั้งหมด

บัญชี

ภาษี

ธุรกิจ

การใช้งานโปรแกรม

ข่าวสาร

ล่าสุด

8 Aug 2025

PEAK Account

3 min

บันทึกชำระเงินด้วยสินเชื่อ OD ใน PEAK

บันทึกชำระเงินด้วยสินเชื่อ OD สามารถบันทึกรายการ ได้ดังนี้ ยกตัวอย่างข้อมูล 1. การบันทึกจ่ายชำระเงิน สำหรับ บันทึกชำระเงินด้วยสินเชื่อ OD สามารถทำการจ่ายชำระเงินโดยเลือกช่องทางการเงิน เป็นช่องทางที่ต้องการใช้สินเชื่อเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี (OD) ได้เลย ตามภาพตัวอย่างด้านล่าง ยกตัวอย่างเป็น บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน 0220112301 ระบุยอดที่ต้องการจ่ายชำระ จำนวน 50,000 บาท ตัวอย่างการบันทึกบัญชี หากเข้าดูในหน้าเมนูการเงิน ช่องทางการชำระเงิน ของบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน 0220112301 หรือเข้าดูบัญชีแยกประเภทของผังบัญชีนั้น ระบบจะแสดงจำนวนเงินติดลบ ด้วยยอดเงินที่ได้ใช้จ่ายชำระโดยสินเชื่อเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี (OD) หากมีการจ่ายชำระคืนสินเชื่อเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี(OD) สามารถทำการโอนเงินระหว่างกัน เพื่อคืนเงินเข้าบัญชีสินเชื่อเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี(OD) ได้ สามารถดูรายละเอียดได้จากคู่มือ การโอนเงินระหว่างกัน ตัวอย่างหน้ารายการช่องทางการเงิน ตัวอย่างหน้ารายการบัญชีแยกประเภท – จบการบันทึกรับชำระเงินด้วย สินเชื่อเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี(OD)-

6 Aug 2025

PEAK Account

4 min

อัปเดตฟังก์ชัน PEAK 06/08/2025

เอาใจผู้ใช้งานโปรแกรม PEAK ด้วยฟังก์ชันใหม่ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✨ 1. เชื่อมต่อ Krungsri Statement API ได้แล้ว ดึงรายการเดินบัญชีเข้า PEAK ให้อัตโนมัติทุกวัน ไม่ต้องโหลดไฟล์เองอีกต่อไป 🧑‍💼เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานแพ็กเกจ PRO Plus ขึ้นไปที่ใช้บัญชีธนาคารกรุงศรีฯ (BAY) 🎯Highlight : ช่วยดึงรายการข้อมูลเงินเข้า-ออกอัปเดตให้อัตโนมัติทุกวัน ลดการทำงานแบบ Manual และลดข้อผิดพลาดในการทำข้อมูล ✨ 2. ปรับ Timeline เอกสารโฉมใหม่ อ่านง่ายขึ้น สถานะชัด พร้อมกด Action ได้สะดวกขึ้น 🧑‍💼เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานทุกกิจการที่ต้องจัดการเอกสารจำนวนมาก 🎯Highlight : ช่วยให้เห็นภาพรวมเอกสารครบจบในหน้าเดียว ประหยัดเวลา ทำงานได้สะดวกขึ้น ✨ 3. แถบ “ล่าสุด” มาแล้ว เข้าดูเอกสารที่สร้างล่าสุด 100 รายการได้ในคลิกเดียว 🧑‍💼เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานทุกกิจการที่สร้างเอกสารเยอะในแต่ละวัน 🎯Highlight : ช่วยให้ผู้ใช้งานเห็นรายการที่สร้างใหม่ล่าสุด โดยไม่ต้องเสียเวลากรองวันที่หรือค้นหา ช่วยลดเวลาโดยเฉพาะกิจการที่มีการสร้างรายการย้อนหลังนาน ๆ

อ่านบทความเพิ่มเติม

บัญชี

ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับบัญชี

อ่านบทความเพิ่มเติม

27 Jun 2025

PEAK Account

13 min

ใบสั่งซื้อ Purchase Order (PO) คืออะไร พร้อมตัวอย่าง

ใบสั่งซื้อ PO (Purchase Order): หัวใจสำคัญของการควบคุมต้นทุนและสร้างระบบให้ธุรกิจคุณ ในการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ที่การแข่งขันสูง การบริหารจัดการต้นทุนและการควบคุมการจัดซื้อจัดจ้างอย่างมีระบบเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเอกสารสำคัญอย่าง ใบสั่งซื้อ (Purchase Order หรือ PO) ที่เป็นมากกว่าแค่กระดาษ แต่คือกลไกสำคัญในการบริหารจัดการการเงินและสร้างความโปร่งใสให้ธุรกิจของคุณ มาดูกันว่าทำไมใบ PO ถึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทุกกิจการไม่ควรมองข้าม ใบสั่งซื้อ PO สำคัญอย่างไรกับธุรกิจของคุณ? การใช้ใบสั่งซื้อ PO อย่างถูกวิธี ไม่เพียงช่วยให้คุณจัดการเรื่องการจัดซื้อได้ง่ายขึ้น แต่ยังเสริมสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับการดำเนินงานโดยรวม ใบสั่งซื้อ PO คืออะไร แตกต่างจากใบขอซื้อ PR อย่างไร? ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง มีเอกสารสำคัญสองประเภทที่มักสร้างความสับสนให้กับผู้ประกอบการ นั่นคือ ใบสั่งซื้อ (PO) และ ใบขอซื้อ (PR) แม้จะมีความเกี่ยวข้องกัน แต่มีวัตถุประสงค์และการใช้งานที่แตกต่างกัน มาทำความเข้าใจความต่างนี้กัน ใบสั่งซื้อ (Purchase Order – PO) คือ ใบสั่งซื้อ (PO) เป็นเอกสารทางธุรกิจที่ออกโดย ฝ่ายจัดซื้อขององค์กร (ผู้ซื้อ) เพื่อ สั่งซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ขาย (Supplier) อย่างเป็นทางการ เปรียบเสมือนสัญญาซื้อขายที่มีผลผูกพันทางกฎหมายเมื่อผู้ขายตอบรับ ใบสั่งซื้อ PO จะถูกจัดทำขึ้น หลังจากที่ใบขอซื้อ (PR) ได้รับการอนุมัติแล้ว โดยจะมีรายละเอียดครบถ้วน เช่น: ใบขอซื้อ (Purchase Requisition – PR) คือ ใบขอซื้อ (PR) เป็นเอกสาร ภายในองค์กร ที่แผนกต่าง ๆ (เช่น แผนกผลิต, แผนกการตลาด) ใช้แจ้งความต้องการสั่งซื้อสินค้าหรือบริการไปยัง ฝ่ายจัดซื้อ โดยระบุรายละเอียดสินค้าที่ต้องการ เหตุผลที่ต้องใช้ และงบประมาณที่เกี่ยวข้อง เอกสาร PR ต้องได้รับการตรวจสอบและอนุมัติจากหัวหน้าแผนกหรือผู้มีอำนาจก่อนที่จะส่งต่อไปยังฝ่ายจัดซื้อ เพื่อยืนยันความจำเป็นและความเหมาะสมของการจัดซื้อ ระบบ PR ช่วยควบคุมการใช้จ่าย ป้องกันการสั่งซื้อที่ไม่จำเป็น รวมถึงป้องกันการทุจริตของพนักงานและผู้ขาย สรุปความแตกต่างง่ายๆ: ข้อมูลสำคัญที่ต้องมีใน ใบสั่งซื้อ PO ใบสั่งซื้อ PO ที่สมบูรณ์และถูกต้อง ควรประกอบด้วยข้อมูลสำคัญเหล่านี้ เพื่อลดข้อผิดพลาดและข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต: ข้อมูลสำคัญที่ต้องมีในใบขอซื้อ PR ใบขอซื้อ (PR) แม้จะเป็นเอกสารภายใน แต่ก็มีความสำคัญไม่แพ้ใบสั่งซื้อ โดยข้อมูลที่ครบถ้วนในใบ PR จะช่วยให้ฝ่ายจัดซื้อดำเนินการได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว: ตัวอย่างใบสั่งซื้อ PO และ ใบขอซื้อ PR เพื่อให้เข้าใจรูปแบบและองค์ประกอบของเอกสารทั้งสองประเภทได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ลองจินตนาการถึงโครงสร้างพื้นฐานดังนี้: ตัวอย่างโครงสร้างใบขอซื้อ PR ตัวอย่างใบขอซื้อ PO สรุปท้ายบทความ การมีระบบเอกสารการสั่งซื้อที่แข็งแกร่ง ไม่เพียงช่วยควบคุมค่าใช้จ่าย ป้องกันการทุจริต และสร้างความโปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อขององค์กรได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการบริหารจัดการธุรกิจในภาพรวม เจ้าของธุรกิจจึงควรเข้าใจและใช้ประโยชน์จากใบสั่งซื้อ PO อย่างเต็มที่ สำหรับธุรกิจยุคใหม่ การพึ่งพาระบบมือหรือเอกสารกระดาษอาจไม่เพียงพออีกต่อไป PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ เข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยฟังก์ชันที่รองรับการสร้างใบสั่งซื้อ (PO) ได้อย่างง่ายดาย คุณสามารถจัดการคำสั่งซื้อจากผู้จัดจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ PEAK ช่วยให้คุณบันทึกและติดตามข้อมูลการสั่งซื้อ สินค้า บันทึกซื้อสินค้า และเงื่อนไขการชำระเงินได้อย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งสามารถ เชื่อมโยงข้อมูลกับใบส่งสินค้าและใบแจ้งหนี้ได้ทันที ทำให้การจัดการบัญชีตั้งแต่การสั่งซื้อ การรับสินค้า ไปจนถึงการชำระเงินเป็นไปอย่างราบรื่น มีระบบ และแม่นยำมากยิ่งขึ้น ลดข้อผิดพลาด ประหยัดเวลา และช่วยให้คุณมีข้อมูลเชิงลึกสำหรับการตัดสินใจทางธุรกิจที่ดีขึ้นเสมอ ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาท คลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย) PEAK Call Center : 1485 LINE : @peakaccount สอบถามเพิ่มเติม คลิก

15 Jun 2025

PEAK Account

9 min

วิธีดูงบการเงินออนไลน์ และ การคัดงบการเงิน

รู้ไหมว่า…งบการเงินของธุรกิจเราไม่ใช่ความลับ ?งบการเงิน คือ รายงานที่สรุปรายได้ ค่าใช้จ่าย กำไร ขาดทุน และทรัพย์สินของธุรกิจ ช่วยให้เจ้าของกิจการรู้สถานะทางการเงินของตัวเอง และใช้วางแผนหรือเปรียบเทียบกับคู่แข่งได้ ถ้าผู้ประกอบการเข้าใจและอ่านงบการเงินเป็นก็สามารถวางกลยุทธ์ของธุรกิจคุณได้แล้วครับ ไม่ว่าเราจะเปิดบริษัทเอง หรือกำลังจับตาคู่แข่งอยู่ ข้อมูลสำคัญอย่าง “ งบการเงิน ” นั้นถูกจัดเก็บแบบสาธารณะที่สามารถเข้าไปดูได้ เพียงแค่รู้ช่องทางและรู้วิธี เช่นเดียวกับบริษัทมหาชนที่งบการเงินเปิดเผยอยู่บนเว็บไซต์ให้โหลดได้ฟรี การค้นหางบของคู่แข่งหรือพาร์ตเนอร์ธุรกิจก็เป็นไปได้เช่นกัน แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายเท่ากันทุกกรณี แต่ถ้าเรารู้ว่าจะดูจากที่ไหนและดูอะไรบ้าง ก็ช่วยให้ตัดสินใจทางธุรกิจได้ดีขึ้นอย่างมาก วิธี ดูงบการเงิน แบบออนไลน์ การ “ดูงบการเงินออนไลน์” คือการเข้าถึงข้อมูลงบการเงินของธุรกิจต่างๆ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องไปขอเอกสารฉบับจริงให้ยุ่งยาก ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ได้จัดทำระบบที่ชื่อว่า DBD DataWarehouse+ ให้ประชาชนทั่วไปสามารถค้นหาข้อมูลงบการเงินของนิติบุคคลในประเทศไทยได้ง่ายๆ เพียงแค่มี เลขทะเบียนนิติบุคคล 13 หลัก ซึ่งเราสามารถใช้ระบบนี้เพื่อดูภาพรวมของธุรกิจ เช่น รายได้ กำไร หนี้สิน หรือสถานะทางการเงินของคู่แข่ง พาร์ตเนอร์ หรือแม้แต่ของตัวเราเอง โดยเฉพาะในกรณีที่เราจะวิเคราะห์คู่แข่ง ขอสินเชื่อ หรือจะรับลูกค้าใหม่เข้าระบบ ก็สามารถใช้ข้อมูลจากงบการเงินออนไลน์ประกอบการตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ซึ่งสามารถทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1. เข้าเว็บไซต์ และกรอกเลขนิติบุคคล 13 หลัก 2. ระบบจะแสดงข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับนิติบุคคล เช่น ชื่อ ทุนจดทะเบียน วันก่อตั้ง ที่อยู่ รายชื่อกรรมการ และประเภทธุรกิจ 3. เลือกแท็บ ‘ข้อมูลทางการเงิน’ และเลือกหัวข้อย่อย ‘ งบการเงิน ’ 4. ระบบจะเข้าสู่หน้างบฐานะการเงิน ซึ่งสามารถเลือกดูงบกำไรขาดทุนหรืออัตราส่วนการเงินที่ตัวเลือกด้านขวาของหน้าจอได้ จากรูปภาพจะเห็นว่าข้อมูลจะเป็นงบการเงินแบบย่อที่แสดงข้อมูลโดยสรุปจากงบการเงินฉบับเต็ม ซึ่งก็มีข้อมูลสำคัญที่เราสามารถนำไปวิเคราะห์ต่อได้  วิธี คัดงบการเงิน ฉบับเต็ม ถ้าดู งบการเงิน ออนไลน์แล้วรู้สึกว่ายังไม่ละเอียดพอ โดยเราอยากเห็นข้อมูลเชิงลึกบางอย่าง เช่น หมายเหตุประกอบงบการเงิน หรือรายละเอียดสินทรัพย์ หนี้สินแบบแยกรายการ ดังนั้นการ “คัดงบ” หมายถึง การยื่นคำขอรับสำเนาเอกสารงบการเงินอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะได้เอกสารที่เหมือนกับงบที่บริษัทส่งตรวจสอบจริง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับจำนวนหน้า เราสามารถ “ คัดงบการเงินฉบับเต็ม ” ผ่านระบบออนไลน์ของ DBD ที่สามารถชำระเงินและดาวน์โหลดไฟล์ได้ทันที ดังนี้ 1. เข้าเว็บไซต์ และกดปุ่มเลือกเอกสารด้วยตนเอง 2. ค้นหานิติบุคคลที่สนใจด้วยเลขนิติบุคคล 13 หลัก และสามารถเลือกได้มากกว่า 1 นิติบุคคล จากนั้นกดปุ่ม ‘ถัดไป’ 3. จากนั้นกดปุ่ม ‘เลือกเอกสาร’ 4. ในหน้านี้ให้เลือกหัวข้อ ‘ถ่ายเอกสาร (ไม่รับรอง)’ และเลือกประเภทเอกสาร ‘งบการเงิน/บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น’ และให้เลือกติ๊กเอกสารที่ต้องการคัดลอก เช่น แบบนำส่งงบการเงิน รายงานผู้สอบฯ และงบการเงิน จากนั้นให้กดปุ่ม ‘เพิ่มไปยังตระกร้า’ จะได้ผลลัพธ์ตามรูปภาพ และกด ‘ยืนยันการเลือกเอกสาร’ 5. ตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง โดยค่าใช้จ่ายมี 2 รายการ ได้แก่ จากนั้นกด ‘ยืนยันรายการ’ และกด ‘ถัดไป’ 6. เลือกวิธีการระบุชื่อผู้รับเงินบนใบเสร็จรับเงินตามต้องการ 7. สำหรับข้อมูลผู้ทำขอ สามารถเลือกกรอกโดยการเข้าสู่ระบบDBD (ระบบจะขึ้นข้อมูลส่วนตัวให้อัตโนมัติ) หรือเลือกแบบไม่มีบัญชี (ต้องกรอกข้อมูลเอง) ก็ได้ เมื่อกรอกแล้วให้กด ‘ถัดไป’ 8. เลือกช่องทางการจัดส่งเอกสารจะเลือกผ่านวิธีการจัดส่ง (มีค่าใช้จ่าย) หรือไปรับเองที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (ไม่เสียค่าใช้จ่าย) ก็ได้ กรณีเลือกการจัดส่งต้องกรอกที่อยู่เพื่อการจัดส่งเพิ่มเติม 9. กดยอมรับเงื่อนไขการชำระเงิน และกดปุ่ม ‘ยืนยัน’ 10. จากนั้นให้พิมพ์ใบนำชำระเงิน เพื่อไปชำระตาม 4 ธนาคารที่กำหนด หรือชำระผ่าน QR Code ในเอกสารดังกล่าวได้ หลังจากนั้นถือว่าขั้นตอนคัดลอกเสร็จสิ้นและรอรับเอกสาร โดยทั่วไปจะได้รับเอกสารภายใน 1 อาทิตย์ แต่เร็วที่สุดที่เคยได้รับคือภายในวันถัดไป หลังจากที่ได้รับงบการเงินแล้ว สามารถจะนำข้อมูลไปวิเคราะห์ต่อได้ทันที เพราะงบการเงินจะเป็นแบบเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แบบย่อเหมือนใน DBD Warehouse+ สรุปท้ายบทความ อยากรู้สถานะการเงินของธุรกิจ ไม่ยากเลย! แค่ใช้ระบบ DBD DataWarehouse+ ก็สามารถดูงบการเงินเบื้องต้นได้ฟรี เช่น รายได้ กำไร หนี้สิน ฯลฯ แต่ถ้าอยากเจาะลึกมากขึ้น ก็สามารถคัดงบฉบับเต็มโดยมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อยหากคุณมีงบอยู่ในมือแล้วแต่ยังไม่แน่ใจว่าอ่านตรงไหนก่อน แนะนำอ่านบทความ “ขั้นตอนอ่านงบการเงินง่ายๆ ฉบับผู้ประกอบการมือใหม่” ต่อได้เลย ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก   (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ภาษี

ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับภาษี

อ่านบทความเพิ่มเติม

5 Aug 2025

PEAK Account

12 min

ภาษี e-Payment คืออะไร? ผู้ประกอบการต้องเสียเพิ่มหรือไม่ บทความนี้มีคำตอบ!

ทุกวันนี้หลายธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจค้าขายปฏิเสธการรับเงินสด และเลือกที่จะรับเฉพาะเงินโอนหรือบัตรเครดิต และไม่ว่าจะด้วยกระแสสังคมไร้เงินสด หรือเพื่อความสะดวกในการจัดทำบัญชีที่สะดวกมากยิ่งขึ้น ทางกรมสรรพากรก็ไม่นิ่งนอนใจพร้อมออกกฎหมาย ภาษี e-Payment มาตอบรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป อย่างไรก็ตามภาษีประเภทนี้ต่างจากภาษีทั่วไปที่เจ้าของธุรกิจไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม แต่จะเป็นภาษีในรูปแบบไหน มาติดตามในบทความนี้กันได้เลย! ภาษี e-Payment คืออะไร? ภาษี e-Payment คือ ภาษีที่บังคับใช้เพื่อให้สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการด้านการเงิน (e-wallet) หรือ Payment Gateway จำเป็นที่จะต้องยื่นเอกสารรายละเอียดเจ้าของบัญชีที่มีจำนวนธุรกรรมของบัญชีเข้าข่ายที่ทางกรมสรรพากรกำหนด ที่ซึ่งกฎหมายนี้บังคับใช้ทั้งธุรกิจที่เป็นบุคคลธรรมดา และธุรกิจที่ได้ทำการจดทะเบียนนิติบุคคลเรียบร้อยแล้ว โดยภาษี e-Payment อยู่ในพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 ซึ่งผู้ประกอบการหลายท่านอาจตกใจเมื่อเห็นประกาศว่าเป็น ภาษี แต่ในความเป็นจริงแล้วภาษีประเภทนี้เป็นหน้าที่ของสถาบันการเงินในการยื่นข้อมูลให้กรมสรรพากร และผู้ประกอบการไม่จำเป็นเตรียมเอกสารเพื่อยื่น และไม่จำเป็นต้องเสียภาษีเพิ่ม ทั้งนี้หากบัญชีของเราเข้าข่ายเงื่อนไขที่ธนาคารจะทำการยื่นเอกสาร ก็อาจต้องมีการเตรียมเอกสารชี้แจงเพิ่มเติมโดยขึ้นอยู่กับทางกรมสรรพากร เงื่อนไขการยื่นภาษี e-Payment มีอะไรบ้าง? สำหรับเงื่อนไข หรือการทำธุรกรรมที่เข้าข่ายเกณฑ์ของภาษี e-Payment ที่บังคับให้สถาบันการเงินต้องยื่นข้อมูลของเจ้าของบัญชีให้แก่ทางกรมสรรพากรประกอบไปด้วย 2 ข้อหลักดังนี้ มียอดฝากหรือโอนเงินเข้าบัญชีจำนวนมากกว่า 3,000 ครั้ง/ปี เงื่อนไขแรกที่หากบัญชีของเราเข้าข่ายทางธนาคารจะทำการยื่นข้อมูลให้กรมสรรพากรตามภาษี e-Payment คือ จำนวนการฝากเงินเข้าบัญชี รวมไปถึงการโอนเงินเข้าบัญชี หากมีจำนวนครั้งมากกว่า 3,000 ครั้ง/ปี จะถือว่าเข้าข่ายที่กรมสรรพากรอาจตรวจสอบ มียอดการฝากเงินหรือโอนเงินเข้าบัญชีมากกว่า 400 ครั้ง/ปี และจำนวนเงินรวมกันมากกว่า 2 ล้านบาท/ปี สำหรับเงื่อนไขข้อที่สองจะเกิดขึ้นเมื่อบัญชีนั้น ๆ มียอดการฝากเงิน หรือโอนเข้าบัญชีมากกว่า 400 ครั้ง/ปี และในขณะเดียวกัน ในจำนวน 400 ครั้ง หรือมากกว่านั้น ยอดเงินรวมต้องมากกว่า 2 ล้านบาทอีกด้วย ซึ่งในเงื่อนไขนี้ต้องเข้าข่ายทั้งจำนวนครั้ง และจำนวนเงินรวมนั่นเอง เมื่อเจ้าของบัญชีมีธุรกรรมเข้าข่ายเงื่อนไขใดเงื่อนไขหนึ่งทางสถาบันการเงินจะต้องนำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากร เราขอยกตัวอย่างเงื่อนไขที่ 2 เพราะมีความซับซ้อนมากกว่าเงื่อนไขที่ 1 เล็กน้อย นาย A มียอดโอนเข้า 500 ครั้ง/ปี ยอดรวมทั้งสิ้น 3,000,000 บาท = เข้าข่ายที่ธนาคารต้องยื่นข้อมูล นาย B มียอดโอนเข้า 500 ครั้ง/ปี ยอดรวมทั้งสิ้น 1,900,000 บาท = ไม่เข้าข่าย เนื่องจากยอดรวมไม่ถึงกำหนด นอกจากนี้เงื่อนไขดังกล่าวนับรวมทุกบัญชีภายใต้สถาบันการเงินนั้น ๆ ยกตัวอย่างจากเงื่อนไขข้อที่ 1 ดังนี้ นาย A เปิดบัญชีกับธนาคารแห่งหนึ่งทั้งหมด 3 บัญชีด้วยกัน ซึ่งแต่ละบัญชีมีจำนวนการโอนเงินเข้าดังนี้ บัญชีที่หนึ่ง : 2,000 ครั้ง บัญชีที่สอง : 1,000 ครั้ง บัญชีที่สาม : 2,000 ครั้ง ในกรณีนี้นาย A มียอดโอนเงินเข้าทั้งหมด 5,000 ครั้งเมื่อรวมทุกบัญชี เท่ากับว่าเข้าข่ายเงื่อนไขที่สถาบันการเงินต้องยื่นข้อมูลของนาย A ให้กรมสรรพากร ทำไมกรมสรรพากรถึงต้องมีภาษี e-Payment การเกิดขึ้นของภาษี e-Payment ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการเก็บเงินจากผู้ประกอบการเพิ่มแต่อย่างใด แต่เป็นกฎหมายที่ให้สรรพากรสามารถจัดการกับระบบภาษีและการจัดเก็บเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ง่ายขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อสำหรับบริการประชาชน และเป็นการรองรับบริการต่าง ๆ ด้านภาษีที่ในอนาคตจะกลายเป็นรูปแบบออนไลน์มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้อีกหนึ่งข้อที่สำคัญคือ เป็นการสร้างความเป็นธรรมให้เจ้าของธุรกิจผู้ประกอบการ เช่น ป้องกันบางธุรกิจที่เสียภาษีที่ไม่ถูกต้องครบถ้วนเอาเปรียบธุรกิจอื่น ๆ รวมไปถึงธุรกิจสีเทาที่มีการโอนเงินไปมาบ่อย เพื่อให้กรมสรรพากรสามารถตรวจสอบได้ง่ายขึ้น ซึ่งทางกรมสรรพากรจะนำข้อมูลที่ยื่นโดยธนาคารมาวิเคราะห์เพิ่มเติม ไม่ได้หมายความว่าผู้ที่เข้าข่ายเงินไขจะต้องถูกเรียกตรวจสอบทุกคน ซึ่งข้อมูลที่ธนาคารต้องส่งให้กรมสรรพากรหากมีบัญชีที่เข้าข่าย ประกอบไปด้วย 5 ข้อมูลสำคัญดังนี้ เมื่อกรมสรรพากรได้ข้อมูลส่วนนี้ไป หากเจ้าของบัญชีมีพฤติกรรมเข้าข่ายน่าสงสัย หรือมีการเสียภาษีไม่ครบถ้วน ทางกรมสรรพากรจะเรียกพบอีกครั้ง เจ้าของธุรกิจได้รับผลกระทบอะไรจาก ภาษี e-Payment บ้าง สำหรับเจ้าของธุรกิจที่มีการเสียภาษีถูกต้องครบถ้วนไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับภาษีในส่วนนี้ ไม่จำเป็นต้องยื่นเพิ่ม หรือเสียเพิ่มแต่อย่างใด เพราะเป็นหน้าที่ของสถาบันการเงินในการดำเนินการทั้งหมด เพราะฉะนั้นหากไม่อยากต้องโดนสรรพากรเรียกทีหลัง ควรจัดการบัญชีให้เป็นระบบ จ่ายภาษีให้เรียบร้อย แนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ประกอบการ เมื่อมีการตรวจสอบจากกรมสรรพากรที่ละเอียดยิ่งขึ้น ผู้ประกอบการควรที่จะมีการจัดทำบัญชีอย่างเป็นระบบ หรือทำบัญชีในระบบออนไลน์ โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจ SME ขายสินค้าออนไลน์ ที่ยอดเงินส่วนใหญ่จากลูกค้าจะเป็นเงินโอนเข้าบัญชี การเก็บข้อมูลส่วนนี้ให้ครบถ้วนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ และนอกจากนี้เรายังขอแนะนำให้ผู้ประกอบการมีการจัดการตรวจสอบรายรับในแต่ละวันอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดทางด้านบัญชีในอนาคต ในส่วนนี้หากผู้ประกอบการไม่อยากต้องนั่งนับทีละยอดด้วยตัวเอง สามารถใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่มีฟีเจอร์ครบถ้วน ก็สามารถตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายได้ทุกเมื่อที่ต้องการ นอกจากนี้การทำรายงานบัญชีอย่างสม่ำเสมอก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้ผู้ประกอบการเห็นตัวเลขที่ชัดเจน ลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดด้านบัญชีไปจนถึงการยื่นภาษีในแต่ละปีได้ จัดการบัญชีอย่างเป็นระบบ ลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดด้านภาษี การจัดการบัญชีให้เป็นระบบ โดยเฉพาะการทำผ่านระบบออนไลน์ที่จะสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาของกรมสรรพากรที่มีนโยบายเพื่ออำนวยความสะดวก ปรับรูปแบบการบริการเป็นผ่านระบบออนไลน์มากขึ้นเห็นได้จากระบบภาษี e-Payment ที่ออกกฎหมายมา ในส่วนนี้ผู้ประกอบการควรที่จะปรับตัวตาม ไม่ว่าจะเป็นการทำบัญชี การเก็บเอกสารสำคัญด้านการเงิน ไปจนถึงการยื่นภาษีล้วนสามารถทำผ่านระบบออนไลน์ได้ทั้งสิ้น สำหรับผู้ประกอบการท่านไหนที่อยากเริ่มต้น PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์พร้อมเป็นตัวช่วยให้กับคุณ ที่เราพร้อมดูแลด้านบัญชีครบวงจร สะดวก รวดเร็ว ลดข้อผิดพลาดด้านบัญชีที่อาจเกิดขึ้น อีกทั้งยังมีการปรับใช้ระบบ AI เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานไปอีกขั้น! มาพร้อมคู่มือการใช้งาน เริ่มต้นได้ทันที! ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

อ่านบทความเพิ่มเติม

ธุรกิจ

ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกิจ

อ่านบทความเพิ่มเติม

25 Jul 2025

PEAK Account

15 min

เทคนิคออกเอกสาร หนังสือรับรองเงินเดือน ให้ถูกต้องและมืออาชีพ

ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจมาระดับหนึ่ง และมีพนักงานพอสมควร ต้องเคยมีพนักงานเข้ามาขอใบรับรองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นใบรับรองการทำงาน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน และในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ หนังสือรับรองเงินเดือน ให้มากขึ้น ว่าคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร รวมไปถึงข้อมูลที่ต้องมี เพื่อให้สามารถออกเอกสารให้พนักงานได้อย่างถูกต้อง จะมีเนื้อหาอะไรบ้าง เรามาเริ่มกันเลย! ทำความรู้จัก หนังสือรับรองเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน คือ เอกสารที่บริษัทออกให้แก่พนักงานเพื่อเป็นการยืนยันถึงเงินเดือนที่พนักงานได้รับในแต่ละเดือนจากบริษัทดังกล่าว และนอกจากการยืนยันจำนวนเงินเดือนแล้ว ยังเป็นเอกสารที่ช่วยยืนยันสถานะการทำงาน การเป็นพนักงานในองค์กรนั้น ๆ ได้อีกเช่นเดียวกัน ซึ่งหนังสือรับรองเงินเดือนนี้ก็จะประกอบไปด้วยข้อมูลสำคัญสำหรับใช้ในด้านการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับด้านการเงิน โดยผู้ประกอบการสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเต็ม ๆ เกี่ยวกับหนังสือรับรองเงินเดือนได้ที่บทความ “ใบรับรองเงินเดือนเอกสารสำคัญที่มนุษย์เงินเดือนห้ามพลาด” ซึ่งโดยปกติแล้วหนังสือรับรองเงินเดือนที่พนักงานขอมักนำไปใช้ในการติดต่อธุระ โดยหลักจะมี 2 วัตถุประสงค์ที่พนักงานมักขอประกอบไปด้วย เหตุผลที่จำเป็นต้องใช้เอกสารรับรองเงินเดือนในการติดต่อธุระเหล่านี้ เพื่อเป็นการยืนยันสถานภาพทางการเงินของผู้ยื่นว่ามีเงินเดือนและสามารถชำระหนี้ได้ตามที่กำหนด สิ่งที่ผู้ประกอบการควรรู้เกี่ยวกับการออก เอกสารรับรอง สำหรับผู้ประกอบการแล้ว ถึงแม้เราอาจไม่ได้ใช้หนังสือรับรองเงินเดือนโดยตรง แต่ก็มีหน้าที่ต้องออกเอกสารเหล่านี้ให้พนักงาน ในส่วนนี้เราจึงจะมาแนะนำในมุมของผู้ประกอบการโดยเฉพาะ ว่ามีเรื่องใดที่ควรทราบ 1. เตรียมเอกสารล่วงหน้า ลดความยุ่งยากในการทำงาน สำหรับเอกสารหนังสือรับรองเงินเดือน เป็นเอกสารที่ผู้ประกอบการสามารถเตรียมไว้ล่วงหน้าได้เป็นเทมเพลตเพื่อให้สามารถนำมาใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องเพิ่มขั้นตอนให้มีความยุ่งยากซับซ้อน เมื่อมีพนักงานขอเอกสารสามารถเปลี่ยนข้อมูลเล็กน้อยและใช้ได้เลย 2. ผู้จัดการฝ่ายบุคคล หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจะสามารถลงนามรับรองเอกสารได้ การเซ็นรับรองหนังสือเงินเดือนให้พนักงาน โดยปกติจะเป็นอำนาจของผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่สามารถลงลายมือชื่อเพื่อรับรองเอกสารฉบับดังกล่าวได้ นอกจากนี้ผู้ที่รับมอบหมายให้มีอำนาจก็สามารถลงนามเพื่อยืนยันส่วนนี้ได้เช่นกัน 3. ต้องมีการประทับตราบริษัทเสมอ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับหนังสือรับรองเงินเดือน ในส่วนนี้บริษัทจำเป็นต้องลงประทับตราบริษัทลงไปในเอกสารเพื่อเป็นการยืนยัน และลดโอกาสในการปลอมแปลงเอกสารได้  4. การออกเอกสารรับรองสำหรับพนักงานที่รับเงินรายวัน ในบางบริษัทอาจมีพนักงานที่รับเงินรายวัน ไม่ใช่ในรูปแบบของเงินเดือน ในกรณีนี้สามารถออกหนังสือรับรองเงินเดือนได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามภายในเอกสารจำเป็นต้องมีการระบุให้ชัดเจนว่าพนักงานผู้ยื่นขอเอกสาร ได้รับเงินในรูปแบบรายวัน เพื่อแจ้งให้ธนาคารทราบประกอบการพิจารณานั้นเอง 5. หนังสือรับรองเงินเดือน ไม่ใช่ สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน แตกต่างจากสลิปเงินเดือนพอสมควร เพราะหนังสือรับรองเงินเดือนคือเอกสารที่ออกโดยบริษัทตามคำขอพนักงาน มีข้อมูล และการลงลายมือชื่อกำกับพร้อมตราประทับ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับข้อมูลได้มากกว่าสลิปเงินเดือน เพราะในขณะเดียวกัน สลิปเงินเดือน จะเป็นเอกสารที่พนักงานได้รับทุกเดือนอยู่แล้ว เพื่อยืนยันว่าทางบริษัทได้มีการจ่ายเงินเดือนให้พนักงานจริง พร้อมแจงรายละเอียดต่าง ๆ ของเงินที่ได้รับ นอกจากนี้ยังมีเอกสารรับรองการทำงานที่มีความคล้ายกันอีกด้วย 6. ภาษาของเอกสารขึ้นอยู่กับความต้องการของพนักงาน สำหรับหนังสือรับรองเงินเดือนสามารถออกเป็นทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้ ขึ้นอยู่กับหน่วยงานหรือเงื่อนไขที่พนักงานต้องการติดต่อยื่นเอกสาร ในส่วนนี้เราขอแนะนำให้ผู้ประกอบการหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจัดเตรียมเทมเพลตไว้ทั้ง 2 ภาษาเพื่อรองรับคำขอจากพนักงาน อีกทั้งยังช่วยลดการทำงานของพนักงานฝ่ายบุคคลหรือผู้ออกเอกสารไม่ต้องทำเอกสารใหม่ทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนภาษาอีกด้วย 7. จัดวางระบบ ใช้โปรแกรมออนไลน์ ช่วยลดจำนวนเอกสารและขั้นตอนการทำงาน การออกเอกสารต่างๆ เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน แม้จะไม่ใช่งานที่ยากซับซ้อน แต่กลับเป็นงานที่กินเวลาทำงานของพนักงานฝ่ายบุคคลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในองค์กรที่มีจำนวนพนักงานเยอะ ซึ่งอาจทำให้ฝ่ายบุคคลไม่สามารถมุ่งเป้าหมายไปที่การพัฒนาบุคลากรในองค์กรได้อย่างเต็มที่ เพื่อแก้ปัญหานี้ ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการลดจำนวนงานที่ไม่จำเป็น โดยการนำ โปรแกรมเงินเดือนและบริหารงานบุคคลออนไลน์ เข้ามาช่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PEAK Payroll ฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อลดขั้นตอนและลดจำนวนเอกสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยฟีเจอร์ PEAK Payroll ฝ่ายบุคคลและผู้ประกอบการจะสามารถ: การนำ PEAK Payroll เข้ามาใช้ จะช่วยให้งานเอกสารของฝ่ายบุคคลลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มีเวลาและทรัพยากรมากขึ้นในการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตขององค์กรในระยะยาวค่ะ 8. เอกสารอื่น ๆ ที่พนักงานอาจขอ นอกจากหนังสือรับรองเงินเดือนแล้ว ยังมีเอกสารอื่นที่พนักงานอาจขอสำหรับการนำไปใช้ยื่นในธุระสำคัญต่าง ๆ ของแต่ละ โดยในส่วนนี้เราขอยกตัวอย่างเอกสารที่ใกล้เคียงกัน และเป็นหนึ่งในเอกสารที่มักมีการขอจากพนักงานบ่อยพอสมควร 8.1 สลิปเงินเดือน จากที่เราได้แนะนำไปในข้อก่อนหน้านี้ สลิปเงินเดือนก็เป็นอีกหนึ่งเอกสารที่พนักงานมักใช้ในการยื่น แต่โดยปกติแล้วสลิปเงินเดือนจะทำการส่งให้พนักงานในแต่ละเดือนเพื่อยืนยันว่าพนักงานได้รับเงินจริงแล้ว ทั้งนี้สำหรับบางองค์กรที่ยังยื่นเอกสารแบบแผ่นจริงให้พนักงาน อาจพบกับปัญหาด้านการจัดเก็บเอกสาร แนะนำให้เลือกใช้โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์ที่มีระบบส่งสลิปอัตโนมัติสะดวกมากยิ่งขึ้น 8.2 หนังสือรับรองการทำงาน อีกหนึ่งเอกสารที่มีความเป็นทางการมากยิ่งขึ้น แต่จะไม่มีการระบุถึงเงินเดือนของพนักงาน โดยจะเป็นเอกสารเพื่อยืนยันสถานภาพการเป็นพนักงานในองค์กรเท่านั้น โดยเอกสารนี้จะมีความใกล้เคียงกับหนังสือรับรองเงินเดือน ที่ต้องมีการลงชื่อโดยผู้รับรอง สามารถทำได้สองภาษา และสามารถทำเป็นเทมเพลตเตรียมให้พนักงานได้เช่นเดียวกัน  ข้อควรระวังในการออกหนังสือรับรองเงินเดือน ข้อควรระวังสำหรับผู้ประกอบการในการออกหนังสือรับรองเงินเดือน คือ ข้อมูลภายในเอกสารที่ควรตรวจสอบให้ถูกต้องชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นชื่อ จำนวนเงินเดือน หรือวันที่ เพื่อลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและอาจส่งผลเสียถึงองค์กรได้ รวมไปถึงตราประทับบริษัทก็เป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือของเอกสาร สรุปสิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนออกเอกสารรับรอง จากข้อมูลข้างต้นน่าจะพอรู้จักกับ หนังสือรับรอง เงินเดือนกันมากขึ้นว่ามีความสำคัญอย่างไร มีข้อมูลอะไรบ้าง และผู้ประกอบการควรเตรียมตัวอย่างไรเมื่อมีพนักงานขอเอกสาร ซึ่งเอกสารฉบับนี้ก็ไม่ได้มีความซับซ้อน แต่หากเตรียมพร้อมให้ดีก็ช่วยลดขั้นตอนการทำงานของพนักงานลงได้ โดยเฉพาะในงานของฝ่ายบุคคลที่เอกสารหนังสือรับรองเงินเดือนเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีเอกสารอีกมากมายที่จำเป็นต้องใช้ และเป็นหน้าที่ขององค์กรในการออกเอกสารเหล่านั้นให้พนักงาน ทำให้การมีโปรแกรมที่เข้ามาช่วยลดขั้นตอนการทำงานในส่วนนี้อย่าง PEAK Payroll ที่พร้อมช่วยลดการทำงานของฝ่ายบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการออกสลิปเงินเดือน การทำเงินเดือนให้เป็นระบบ การยื่นประกันสังคม และการคำนวณภาษี ที่ล้วนเป็นงานซับซ้อนให้ง่ายมากยิ่งขึ้น ลดข้อผิดพลาด พร้อมโฟกัสกับการพัฒนาศักยภาพของพนักงานได้อย่างแท้จริง สามารถอ่านคู่มือการใช้งานเบื้องต้นของ PEAK Payroll ได้ที่นี่ ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

อ่านบทความเพิ่มเติม

การใช้โปรแกรม

ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งาน PEAK

อ่านบทความเพิ่มเติม

8 Aug 2025

PEAK Account

3 min

บันทึกชำระเงินด้วยสินเชื่อ OD ใน PEAK

บันทึกชำระเงินด้วยสินเชื่อ OD สามารถบันทึกรายการ ได้ดังนี้ ยกตัวอย่างข้อมูล 1. การบันทึกจ่ายชำระเงิน สำหรับ บันทึกชำระเงินด้วยสินเชื่อ OD สามารถทำการจ่ายชำระเงินโดยเลือกช่องทางการเงิน เป็นช่องทางที่ต้องการใช้สินเชื่อเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี (OD) ได้เลย ตามภาพตัวอย่างด้านล่าง ยกตัวอย่างเป็น บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน 0220112301 ระบุยอดที่ต้องการจ่ายชำระ จำนวน 50,000 บาท ตัวอย่างการบันทึกบัญชี หากเข้าดูในหน้าเมนูการเงิน ช่องทางการชำระเงิน ของบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน 0220112301 หรือเข้าดูบัญชีแยกประเภทของผังบัญชีนั้น ระบบจะแสดงจำนวนเงินติดลบ ด้วยยอดเงินที่ได้ใช้จ่ายชำระโดยสินเชื่อเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี (OD) หากมีการจ่ายชำระคืนสินเชื่อเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี(OD) สามารถทำการโอนเงินระหว่างกัน เพื่อคืนเงินเข้าบัญชีสินเชื่อเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี(OD) ได้ สามารถดูรายละเอียดได้จากคู่มือ การโอนเงินระหว่างกัน ตัวอย่างหน้ารายการช่องทางการเงิน ตัวอย่างหน้ารายการบัญชีแยกประเภท – จบการบันทึกรับชำระเงินด้วย สินเชื่อเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี(OD)-

6 Aug 2025

PEAK Account

4 min

อัปเดตฟังก์ชัน PEAK 06/08/2025

เอาใจผู้ใช้งานโปรแกรม PEAK ด้วยฟังก์ชันใหม่ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✨ 1. เชื่อมต่อ Krungsri Statement API ได้แล้ว ดึงรายการเดินบัญชีเข้า PEAK ให้อัตโนมัติทุกวัน ไม่ต้องโหลดไฟล์เองอีกต่อไป 🧑‍💼เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานแพ็กเกจ PRO Plus ขึ้นไปที่ใช้บัญชีธนาคารกรุงศรีฯ (BAY) 🎯Highlight : ช่วยดึงรายการข้อมูลเงินเข้า-ออกอัปเดตให้อัตโนมัติทุกวัน ลดการทำงานแบบ Manual และลดข้อผิดพลาดในการทำข้อมูล ✨ 2. ปรับ Timeline เอกสารโฉมใหม่ อ่านง่ายขึ้น สถานะชัด พร้อมกด Action ได้สะดวกขึ้น 🧑‍💼เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานทุกกิจการที่ต้องจัดการเอกสารจำนวนมาก 🎯Highlight : ช่วยให้เห็นภาพรวมเอกสารครบจบในหน้าเดียว ประหยัดเวลา ทำงานได้สะดวกขึ้น ✨ 3. แถบ “ล่าสุด” มาแล้ว เข้าดูเอกสารที่สร้างล่าสุด 100 รายการได้ในคลิกเดียว 🧑‍💼เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานทุกกิจการที่สร้างเอกสารเยอะในแต่ละวัน 🎯Highlight : ช่วยให้ผู้ใช้งานเห็นรายการที่สร้างใหม่ล่าสุด โดยไม่ต้องเสียเวลากรองวันที่หรือค้นหา ช่วยลดเวลาโดยเฉพาะกิจการที่มีการสร้างรายการย้อนหลังนาน ๆ

อ่านบทความเพิ่มเติม

ข่าวสาร

อัปเดตข่าวประชาสัมพันธ์ โปรโมชั่น และเรื่องต่างๆ ที่น่าสนใจ

อ่านบทความเพิ่มเติม

4 Jul 2025

PEAK Account

5 min

สิทธิพิเศษลูกค้า PEAK เปิดเว็บกับ MakeWebEasy ลดสูงสุด 20%

สำหรับผู้ประกอบการและธุรกิจที่ใช้ PEAK อยู่แล้ว และกำลังมองหาช่องทางออนไลน์ในการเริ่มโปรโมทธุรกิจ หรือขยายธุรกิจบนออนไลน์ การสร้างเว็บไซต์ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ยังคงมีประสิทธิภาพและสร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจได้เป็นอย่างดี วันนี้ PEAK ได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ MakeWebEasy แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปของไทย ที่ทำให้ทุกธุรกิจเติบโตบนออนไลน์มามากกว่า 9,000 ธุรกิจ ขอมอบโปรโมชั่นสุดคุ้มที่ออกแบบมาให้ธุรกิจของคุณสามารถขยายตลาดบนออนไลน์ได้แบบครบครัน เลือกได้เลยตามความต้องการของคุณเอง 3 โปรโมชันเด็ด เฉพาะ สิทธิพิเศษลูกค้า PEAK เท่านั้น! สิทธิพิเศษแรก รับส่วนลด 10% เมื่อซื้อแพ็กเกจเว็บไซต์ของ MakeWebEasy เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเริ่มต้นมีเว็บไซต์อย่างรวดเร็วด้วยเทมเพลตเว็บไซต์ที่เรามีให้ สร้างสรรค์เว็บไซต์ได้ด้วยตัวเอง พร้อมฟีเจอร์ที่ทุกธุรกิจต้องการ เช่น ระบบตะกร้าสินค้า ระบบบทความ รองรับโค้ดสำหรับการทำโฆษณาในทุกช่องทาง     อ่านรายละเอียดบริการ : www.makewebeasy.com/th/website-package  สิทธิพิเศษที่สอง รับส่วนลด 15% เมื่อซื้อแพ็กเกจเว็บไซต์ และบริการเสริมจาก MakeWebEasy เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการมากกว่าเว็บไซต์พื้นฐาน โดยคุณสามารถเลือกรับบริการเสริม 1 บริการ เพื่อเสริมประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการเว็บไซต์ที่มีดีไซน์เฉพาะตัว สวยงาม และใช้งานง่าย ทีมออกแบบมืออาชีพของ MakeWebEasy จะช่วยสร้างสรรค์เว็บไซต์ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์คุณได้อย่างโดดเด่น ทำให้เว็บไซต์ของคุณดูน่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้ามากขึ้น อ่านรายละเอียดบริการ : www.makewebeasy.com/th/website-design  สำหรับผู้ที่ต้องการให้เว็บไซต์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นผ่านการทำการตลาด โดยโปรโมทเว็บไซต์ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาบน Google หรือการทำโฆษณาออนไลน์อย่าง Google Ads เพื่อเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์อย่างรวดเร็วและสร้างยอดขายได้ทันที อ่านรายละเอียดบริการ SEO : www.makewebeasy.com/th/seo-suggestion  อ่านรายละเอียดบริการ Google : www.makewebeasy.com/th/google-adwords  สิทธิพิเศษที่สาม รับส่วนลด 20% เมื่อซื้อแพ็กเกจเว็บไซต์ บริการออกแบบเว็บไซต์ + การตลาดออนไลน์ จาก MakeWebEasy แพ็กเกจที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับธุรกิจที่ต้องการโซลูชั่นทางธุรกิจออนไลน์แบบครบวงจร  เริ่มตั้งแต่การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง การออกแบบเว็บไซต์ที่เป็นเอกลักษณ์จากทีมดีไซน์เนอร์ ไปจนถึงการทำการตลาดออนไลน์ผ่านการวางโครงสร้างที่ถูกหลัก SEO และยิงโฆษณาให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักและสร้างยอดขายด้วย Google Ads  ________________________________ สิทธิพิเศษลูกค้า PEAK จาก MakeWebEasy หากคุณกำลังจะสร้างเว็บไซต์ใหม่ เวลานี้คุ้มที่สุด เพราะเราพร้อมมอบสิทธิพิเศษในการใช้บริการเว็บไซต์ของ MakeWebEasy ในราคาที่พิเศษกว่าใคร วันนี้ – 31 สิงหาคม 2568 เท่านั้น สนใจลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่  ________________________________ สอบถามรายละเอียดบริการสร้างเว็บไซต์กับ MakeWebEasy Facebook Page : www.facebook.com/makewebeasy  Add Line : 40xsm5339b  Call : 022177999 

24 May 2025

PEAK Account

9 min

อบรมบัญชีสำหรับนักศึกษา ปูพื้นฐานสู่นักบัญชีมืออาชีพด้วย PEAK

การเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาเข้าสู่สายงานบัญชีในโลกยุคดิจิทัลไม่ใช่แค่การเรียนในห้องเรียน แต่ต้องเสริมด้วยประสบการณ์และเครื่องมือที่ตอบโจทย์โลกธุรกิจจริง โครงการ “อบรมบัญชีสำหรับนักศึกษา PEAK Advisor Basic Level” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-21 กุมภาพันธ์ 2568 คือก้าวสำคัญในการพัฒนาทักษะบัญชีเชิงปฏิบัติให้กับนักศึกษาทั่วประเทศ ทำไมการอบรมบัญชี สำหรับนักศึกษาจึงสำคัญ? ในยุคที่ระบบบัญชีเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โลกออนไลน์ ความสามารถในการใช้ซอฟต์แวร์บัญชีหรือโปรแกรมบัญชีออนไลน์ จึงกลายเป็น “ทักษะพื้นฐาน” ที่สำคัญสำหรับนักบัญชียุคใหม่ การเรียนรู้ผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติจะช่วยให้นักศึกษาเข้าใจการจัดการเอกสารทางบัญชีจริง ฝึกวิเคราะห์ข้อมูลการเงินด้วยระบบที่ใช้ในภาคธุรกิจจริงและเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในองค์กรที่ใช้โปรแกรมบัญชีอย่างแพร่หลาย PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่ออกแบบเพื่อการเรียนรู้และใช้งานจริง PEAK คือโปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักบัญชีทำงานได้สะดวก รวดเร็ว และมีความถูกต้องในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดการเอกสารรายรับ-รายจ่าย ไปจนถึงการจัดทำรายงานและแบบภาษี ด้วยระบบอัตโนมัติและ AI อัจฉริยะของ PEAK นักบัญชีสามารถ ด้วยความสามารถเหล่านี้ PEAK จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักบัญชีทำงานได้อย่างเป็นระบบ ถูกต้อง และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกบัญชียุคใหม่ พัฒนาทักษะโปรแกรมบัญชีในยุคดิจิทัลสำหรับนักศึกษาด้วย โครงการอบรม PEAK Advisor Basic Level โครงการอบรม PEAK Advisor Basic Level คือ หลักสูตรอบรมที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับทักษะของผู้ให้บริการทางบัญชี ให้สามารถปรับตัวเข้าสู่โลกของการทำบัญชีดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ พร้อมทั้งเพิ่มความสามารถในการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ ไฮไลต์จากโครงการอบรม PEAK Advisor Basic Level อบรมฟรี พร้อมแนวทางการใช้เครื่องมือดิจิทัลในการทำบัญชี ตลอดระยะเวลา 18 วัน นักศึกษาที่เข้าร่วมได้รับการอบรมเนื้อหาครอบคลุมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยมีการใช้งานระบบ PEAK จริงผ่านเคสธุรกิจเสมือน วัดผลด้วยระบบการสอบออนไลน์ผ่าน FROG GENIUS LMS: ทันสมัย โปร่งใส มีประสิทธิภาพ การร่วมมือกับ FROG GENIUS แพลตฟอร์ม Learning Management System (LMS) เป็นอีกหนึ่ง Key Success Factor พันธมิตรที่ทำให้เกิดความสำเร็จ ที่ทางเราได้ใช้ FROG GENIUS LMS เป็นศูนย์กลางการสอบออนไลน์ในหลักสูตร ซึ่งมีคุณสมบัติเด่น ดังต่อไปนี้ ประโยชน์ที่สถาบันการศึกษาได้รับจากโครงการอบรมบัญชีสำหรับนักศึกษา 1. เพิ่มโอกาสให้นักศึกษาสัมผัสเครื่องมือระดับมืออาชีพ การนำระบบ PEAK และ FROG GENIUS มาใช้ร่วมกัน ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากสถานการณ์จริง ทั้งการออกใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน การจัดการภาษี และการใช้งานระบบสอบแบบมืออาชีพ 2. สร้างภาพลักษณ์สถาบันที่ทันสมัย การเข้าร่วมโครงการกับ PEAK จะช่วยเสริมจุดแข็งของสถาบันในด้านการพัฒนานักศึกษาสู่สายอาชีพ พร้อมกับเพิ่มความน่าสนใจของหลักสูตรในสายบัญชีและบริหารธุรกิจ 3. สนับสนุนการเรียนรู้แบบ Active Learning จากการจัดอบรมที่เน้นลงมือทำจริง นักศึกษาไม่เพียงเรียนรู้แค่ในบทเรียน แต่ยังได้ฝึกวิเคราะห์และแก้ปัญหาเชิงบัญชีด้วยตนเอง ตัวอย่างหัวข้อที่อบรมภายใต้หลักสูตร PEAK Advisor Basic Level สำหรับสถาบันการศึกษาที่สนใจเข้าร่วมอบรมบัญชีสำหรับนักศึกษา หากสถาบันของคุณต้องการส่งเสริมทักษะด้านบัญชีให้กับนักศึกษา หรือจัดสอบและอบรมออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถติดต่อร่วมโครงการกับ PEAK ได้ทันที คลิกลงทะเบียนที่นี่ หรือ ติดต่อประสานงานโครงการ  คุณณัฐชา คำมี โทร. 063-910-4222 หรือ โทร. 1485 ได้เลย! เตรียมพร้อมทักษะบัญชีสำหรับมือใหม่สู่นักบัญชีสายอาชีพบัญชี การอบรมบัญชีสำหรับนักศึกษาไม่ใช่แค่การให้ความรู้ แต่คือการ “สร้างอนาคต” ให้กับผู้เรียน โครงการ PEAK Advisor Basic Level คือหนึ่งในโครงการที่สะท้อนถึงความตั้งใจในการขับเคลื่อนวงการบัญชีไทยด้วยเครื่องมือดิจิทัล  สำหรับใครที่กำลังมองหา โอกาสในการเริ่มต้นสายงานบัญชี ไม่ว่าจะเป็นการสมัครงาน การฝึกงาน หรือเตรียมตัวสอบวิชาชีพ โปรแกรมนี้คือก้าวแรกที่ควรเริ่ม! คุณจะได้ทั้ง ทักษะที่ตลาดงานต้องการจริง เช่น การใช้งานโปรแกรมบัญชีคลาวด์ การจัดทำรายงานการเงิน การยื่นภาษี และความเข้าใจในระบบบัญชีที่สอดคล้องกับการทำงานจริงในองค์กรทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

อ่านบทความเพิ่มเติม