คลังความรู้บัญชี ภาษี และโปรแกรมบัญชีออนไลน์

ติดตามข้อมูลข่าวสาร บทความน่ารู้ด้านบัญชี ภาษี การเงิน และธุรกิจที่เป็นประโยชน์ สำหรับผู้ประกอบการและนักบัญชี

ทั้งหมด

บัญชี

ภาษี

ธุรกิจ

การใช้งานโปรแกรม

ข่าวสาร

ล่าสุด

3 Oct 2025

PEAK Account

17 min

หยุดความเสี่ยง! รู้จักบัญชีม้า กลโกงมิจฉาชีพ และวิธีป้องกันธุรกิจคุณ

ช่วงนี้หลายท่านอาจได้ยินคำว่าบัญชีม้ากันบ่อย ๆ แต่ไม่เคยเข้าใจว่ามันคืออะไร บางท่านอาจมีคนใกล้ตัวถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้าจนถูกดำเนินคดี หรือผู้ประกอบการบางท่านอาจสงสัยว่ามีเงินโอนเข้าบ่อย ๆ จะถูกอายัดบัญชีหรือไม่ ในบทความนี้เรารวบรวมความรู้เกี่ยวกับ บัญชีม้า กลโกงของมิจฉาชีพ และวิธีป้องกันไว้ให้คุณ บัญชีม้า คืออะไร? บัญชีม้า คือ บัญชีเงินฝากที่เจ้าของชื่อบัญชีไม่ได้เปิดขึ้นมาเพื่อใช้งานบัญชีดังกล่าวด้วยตัวเอง แต่เปิดบัญชีเพื่อให้มิจฉาชีพใช้ในการโอนเงินผิดกฎหมาย หรือรับเงินที่ได้มาจากการหลอกลวง ไม่ว่าจะเป็นเงินจากการพนันผิดกฎหมาย แก๊งคอลเซนเตอร์ที่หลอกลวงเงินจากผู้อื่น หรือแม้กระทั่งการฟอกเงิน ก็มักใช้บัญชีม้าเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามไปจนถึงต้นตอผู้กระทำผิด เพราะไม่สามารถโยงเส้นทางการเงินไปหาตัวได้นั่นเอง นอกจากนี้ในบางครั้งผู้ที่เปิดบัญชีม้าก็ถูกหลอกจากมิจฉาชีพให้เปิดบัญชีม้ามาอีกที ทำให้หลายครั้งกระทำความผิดโดยไม่รู้ตัว แต่หากถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบก็นับว่ามีความผิดทางกฎหมายเช่นกัน ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันตนเองส่วนถัดไปของบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีป้องกันจากการถูกหลอก พร้อมแนวทางการจัดการเมื่อถูกหลอกเปิดบัญชีม้า หรือถูกอายัดบัญชีเนื่องจากเข้าข่ายเป็นต้องสงสัยกัน เหตุผลที่เรียกว่า บัญชีม้า แต่ก่อนอื่น หลายท่านน่าจะสงสัยว่า ทำไมเรียกบัญชีม้า ซึ่งเหตุผลก็เพราะว่า ม้า ในที่นี้เปรียบเสมือนยานพาหนะสำหรับการพาเงินที่ได้มาจากการโกงผู้อื่น หรือเงินผิดกฎหมายที่ได้จากผู้ถูกหลอกลวง ไปสู่บัญชีของตนเองนั่นเอง และเพื่อให้สามารถติดตามตรวจสอบได้ยาก จึงมีการใช้ ม้า หรือ บัญชีม้า มาเป็นตัวกลางนั่นเอง บัญชีม้า แต่ละสี/ประเภท ข้อบ่งชี้ระดับความเสี่ยงของบัญชี บัญชีม้านั้นมีหลายระดับ โดยสามารถแบ่งตามระดับความเสี่ยงของการเข้าข่ายเป็นบัญชีม้า โดยสามารถเรียงลำดับได้ดังนี้ บัญชีธุรกิจที่มีความเสี่ยงเป็นบัญชีต้องสงสัย เงื่อนไขการเข้าข่ายเป็นบัญชีม้านั้นมีหลายแบบ แต่ด้วยรูปแบบของการดำเนินธุรกิจบางครั้งอาจทำให้สุ่มเสี่ยงเป็นบัญชีม้ามากเป็นพิเศษ โดยสามารถแบ่งเงื่อนไขได้เป็นดังนี้ ดังนั้นผู้ประกอบการท่านไหนที่บัญชีของธุรกิจเข้าข่ายทั้ง 3 ข้อนี้ก็มีโอกาสโดนตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ ดังนั้นควรเตรียมเอกสารเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของเส้นทางการเงินให้ครบถ้วน เพราะหากถูกระงับบัญชีเพื่อตรวจสอบ ก็สามารถกู้คืนกลับมาได้เร็วยิ่งขึ้น โอนเงินเข้าออกหลายครั้ง เข้าข่ายเป็นบัญชีม้าหรือไม่? หากบัญชีของคุณมีการโอนเงินเข้าออกหลายครั้ง อาจจะยังไม่นับว่าเป็นบัญชีม้า แต่อาจถูกตรวจสอบโดยทางกฎหมายได้มีการกำหนดเงื่อนไขประเภทของบัญชีที่ต้องทำการชี้แจงที่มาของเงินดังนี้ หากคุณเป็นผู้ประกอบการที่ต้องรับเงินเข้าบัญชีตัวเองหลายครั้งต่อปี แต่หากยังไม่ถึงกำหนดข้างต้นก็ไม่จำเป็นต้องกังวล แต่ทั้งนี้แนะนำให้เก็บเอกสารไว้ให้ครบถ้วนสำหรับการยื่นให้สรรพากรในกรณีที่มีการตรวจสอบ บทลงโทษของการเปิดบัญชีม้า หากชื่อบัญชีของคุณถูกนำไปใช้เป็นเส้นทางการเงินผิดกฎหมายหรือกลายเป็นบัญชีม้า ก็เข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายที่มีบทลงโทษกำหนดไว้อย่างชัดเจน โดยผู้กระทำความผิดจะเป็นทั้งผู้ที่นำบัญชีม้าไปใช้ และชื่อของผู้เปิดบัญชีอีกด้วย ซึ่งข้อกฎหมายนี้อยู่ใน พระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ได้มีการระบุบทลงโทษไว้ว่าจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีและปรับไม่เกิน 300,000 บาท โดยผู้ที่เข้าข่ายจะรวมตั้งแต่การเปิดบัญชี หรือยินยอมให้ใช้บัญชีธนาคารในการรับเงินผิดกฎหมาย หรือชำระเงินเกี่ยวกับสิ่งที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ข้อกฎหมายยังกำหนดครอบคลุมไปถึงบัญชีธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ บัตรเครดิต และบัตรเดบิต ในส่วนของผู้ที่จัดหาหรือโฆษณาเชิญชวนผู้อื่นให้เปิดบัญชีม้าก็มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 – 500,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับด้วยนั่นเอง เป็นอีกหนึ่งการกระทำความผิดที่มีบทลงโทษรุนแรง ผลกระทบจากการต้องสงสัยและถูกระงับบัญชี สำหรับผู้ประกอบการแล้ว หากบัญชีของธุรกิจถูกระงับเนื่องจากเข้าข่ายต้องสงสัยว่าเป็นบัญชีม้าต้องส่งผลกระทบร้ายแรงสำหรับการดำเนินกิจการในหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน ที่หากบัญชีถูกระงับหรืออยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ห้ามทำธุรกรรม ก็อาจทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินเดือนพนักงาน ส่งผลต่อไปถึงความน่าเชื่อถือของบริษัท นอกจากนี้ในมุมที่เกี่ยวข้องกับคนนอกบริษัท หากบริษัทจำเป็นต้องชำระหนี้ทุกเดือน แต่ไม่สามารถโอนเงินออกจากบัญชีได้ก็ส่งผลกระทบในส่วนนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ ความไว้ใจในการทำธุรกิจระหว่างองค์กรด้วยเช่นเดียวกัน ในที่นี้ก็อาจรวมไปถึงการบริหารเงินภายในองค์กรเองด้วย ด้วยเหตุนี้นักบัญชีหรือผู้ประกอบการควรที่จะให้ความสำคัญ วางแผนล่วงหน้าหากธุรกิจของเราอาจถูกตรวจสอบ ด้วยการเตรียมเงินสดสำรอง รวมไปถึงการเตรียมเอกสารหลักฐานสำคัญที่ใช้ในการยืนยันความบริสุทธิ์ให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อให้สามารถจัดการบัญชีให้กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็วหากถูกตรวจสอบ วิธีป้องกันบัญชีบริษัทไม่ให้กลายเป็นบัญชีม้า ในส่วนนี้เราได้รวบรวมวิธีป้องกันเบื้องต้น ที่ช่วยให้บัญชีขององค์กรไม่ให้เข้าข่ายสุ่มเสี่ยงกลายเป็นบัญชีม้าโดยไม่รู้ตัว ซึ่งโดยหลักแล้วธุรกิจสามารถป้องกันได้ด้วยการจัดการระบบควบคุมภายใน (Internal Control) ขององค์กรให้ชัดเจน มีความเป็นระเบียบ แบ่งแยกหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง โดยสามารถทำได้ 3 ข้อดังนี้ 1. แบ่งแยกหน้าที่ระหว่างฝ่ายบัญชีและการเงินให้ชัดเจน (Segregation of Duties) เพราะการทำงานที่ทับซ้อนหรือไม่ชัดเจนอาจก่อให้เกิดความผิดพลาดในการจัดการระบบภายในองค์กรได้ หรือการแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน และห้ามให้มีการผ่อนปรนอันเป็นโอกาสนำไปสู่ปัญหาได้ ซึ่ง Segregation of Duties หรือ SoD สามารถทำได้หลัก ๆ ดังนี้ ซึ่งการจัดการระบบภายในเหล่านี้จะช่วยให้ทำงานกันอย่างลื่นไหล เป็นระเบียบ ลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาด ซึ่งรวมไปถึงปิดช่องโหว่การฉ้อโกง เพิ่มความโปร่งใสในการทำงาน และลดโอกาสที่จะทำให้บัญชีเข้าข่ายต้องสงสัย หรือหากมีการตรวจสอบก็มีหลักฐานชัดเจน 2. ตรวจสอบรายการบัญชีเป็นประจำ เนื่องจากบัญชีม้ามีความเกี่ยวข้องกับการเดินบัญชี ดังนั้นการตรวจสอบรายการบัญชีของธุรกิจเป็นประจำอย่างต่อเนื่องสามารถช่วยป้องกันได้ระดับหนึ่ง หรืออาจดูจากจำนวนครั้งการโอน และยอดการโอนที่หากเข้าข่ายต้องได้รับการตรวจสอบจากกรมสรรพากร นักบัญชีอาจเตรียมเอกสารการชี้แจงต่าง ๆ ให้พร้อมเพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบเร็วยิ่งขึ้น 3. กำหนดผู้มีอำนาจในตรวจสอบอนุมัติ การทำธุรกรรมแต่ละครั้งควรมีผู้มีอำนาจไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชี หรือเจ้าของธุรกิจรับหน้าที่ตรวจสอบรายการธุรกรรมและเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีของบริษัท เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการโกงโดยพนักงาน หรือมีการโอนเงินที่ผิดปกติ 4. จัดเก็บเอกสารด้านบัญชีอย่างเป็นระบบ หากธุรกิจเข้าข่ายสุ่มเสี่ยงและถูกตรวจสอบจากผู้มีอำนาจ ผู้ประกอบการสามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของเส้นทางการเงินบริษัทได้ด้วยการแสดงเอกสารต่าง ๆ เช่น ใบแจ้งหนี้ หรือใบเสร็จรับเงินที่สามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ได้ ดังนั้นนักบัญชีหรือผู้ประกอบการควรวางระบบภายในที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บเอกสาร เช่น การใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ควบคู่กับการเก็บเอกสารฉบับจริง ก็สามารถช่วยให้จัดการเอกสารด้านบัญชีให้เป็นระเบียบ เรียกดูเอกสารแต่ละฉบับได้ง่ายมากขึ้นได้ Checklist เอกสารที่ต้องเตรียม เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเส้นทางการเงินบริษัท ในกรณีที่บริษัทถูกตรวจสอบจากผู้มีอำนาจ เนื่องจากเข้าข่ายเสี่ยงเป็นบัญชีม้า ผู้ประกอบการหรือนักบัญชีสามารถจัดเตรียมเอกสารให้เรียบร้อยสำหรับการยืนยันเส้นทางการเงิน เป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้องค์กร โดยมีเอกสารทั้งหมด 4 ส่วนดังนี้ ซึ่งเอกสารเหล่านี้สามารถใช้ในการยืนยันถึงเส้นทางการเงินของบริษัทได้ ดังนั้นผู้ประกอบการควรมีการวางระบบจัดการเอกสารให้ชัดเจน หากมีความจำเป็นต้องยื่นเอกสารเหล่านี้ประกอบก็สามารถทำได้รวดเร็วและถูกต้องมากยิ่งขึ้น โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ตัวช่วยจัดการเอกสารด้านบัญชีในองค์กร จากที่เราได้แนะนำก่อนหน้านี้ว่า การใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ควบคู่ไปกับการจัดเก็บเอกสารฉบับจริง ก็ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการระบบเอกสารเหล่านี้ได้ดีมากยิ่งขึ้น สามารถเรียกดูได้ง่าย ลดโอกาสที่เอกสารจะสูญหาย รวมไปถึงสามารถดูข้อมูลได้อย่างชัดเจน ซึ่ง PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ก็เป็นหนึ่งในโปรแกรมด้านบัญชีที่สามารถใช้ในการจัดการระบบบัญชีในองค์กร มาพร้อมฟีเจอร์ด้านบัญชีต่าง ๆ มากมาย ที่นอกจากช่วยการจัดการเอกสารในการยืนยันความบริสุทธิ์จากการเข้าข่ายเป็นบัญชีม้า ยังสามารถออกเอกสารบัญชี เรียกดูรายงาน เพื่อการวิเคราะห์ด้านการเงินของธุรกิจได้อย่างแม่นยำ! ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

3 Oct 2025

PEAK Account

14 min

คู่มือ ภงด94 สำหรับผู้ประกอบการ พร้อมเคล็ดลับการยื่นช่วยลดข้อผิดพลาด

เทศกาลยื่นภาษีไม่ได้มีเพียงแค่ช่วงสิ้นปี แต่สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ฟรีแลนซ์ หรือผู้ที่ทำธุรกิจอื่น ๆ ในนามบุคคลธรรมดาจำเป็นต้องยื่น ภาษีครึ่งปี ด้วย แบบ ภ.ง.ด.94 เช่นกัน ซึ่งในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับแบบยื่นภาษีนี้ ว่าต้องยื่นเมื่อไหร่ ใครต้องยื่นบ้าง รวมไปถึงเคล็ดลับสำหรับผู้ประกอบการและฟรีแลนซ์ในการยื่น ภาษีครึ่งปี จะเป็นอย่างไรบ้าง มาติดตามในบทความนี้กันได้เลย ภ.ง.ด.94 คืออะไร? ภ.ง.ด.94 คือ แบบยื่นเพื่อชำระภาษีรอบครึ่งปีแรกของบุคคลธรรมดา โดยเป็นการคำนวณรายได้จากรอบบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน และจำนวนรายได้ที่นำมาคำนวณนั้นจะไม่รวมรายได้จากงานประจำ  ซึ่งการยื่นแบบภาษีรอบครึ่งปีของบุคคลธรรมดา จะต้องยื่นเฉพาะผู้ที่มีเงินได้ตามมาตราที่กำหนด และมีรายได้รวมครึ่งปีแรกเริ่มต้นที่ 60,000 บาทขึ้นไปสำหรับผู้ที่มีสถานะโสด และ 120,000 บาทขึ้นไปสำหรับผู้ที่มีสถานะสมรส ความสำคัญของภาษีครึ่งปี การยื่นชำระภาษีภ.ง.ด.94 ช่วยแบ่งเบาภาระภาษีของธุรกิจออกไปได้ส่วนหนึ่ง เพราะเป็นการแบ่งจ่ายเฉพาะรอบ 6 เดือนแรก ทำให้จำนวนภาษีที่ต้องเสียนั้นไม่ได้เป็นก้อนใหญ่ที่ต้องเสียทีเดียว สามารถช่วยรักษาสภาพคล่องของธุรกิจได้ นอกจากนี้อาจหลายธุรกิจยังเลือกใช้โอกาสนี้ในการวิเคราะห์บัญชีครึ่งปีแรกเพื่อคาดการณ์วางแผนการเงิน หรือแนวทางการดำเนินธุรกิจสำหรับครึ่งปีหลังได้อีกด้วย ใครบ้างที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 94 สำหรับการยื่นแบบชำระภาษีรอบครึ่งปี หากเป็นบุคคลธรรมดาที่ต้องยื่นภงด94 จะกำหนดจากประเภทของรายได้ และจำนวนรายได้รวมตลอดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี หากเข้าข่ายเงื่อนไขที่กำหนดก็จำเป็นต้องชำระภาษีในส่วนนี้ โดยผู้มีรายได้ตามมาตรา 40(5) – 40(8) จำเป็นต้องเสียภาษีส่วนนี้ หากธุรกิจของคุณมีรายได้ตรงตามมาตราใดมาตราหนึ่งจากทั้งหมด 4 มาตรานี้ และรายได้รวมตลอดระยะเวลา 6 เดือนครบกำหนด 60,000 บาท (สถานะโสด) หรือ 120,000 บาท (สถานะสมรส) ก็จำเป็นต้องทำการยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 ด้วย แต่ในกรณีของนิติบุคคลนั้นมีข้อกำหนดที่จะต้องยื่นแบบภาษีรอบครึ่งปีอยู่แล้ว โดยเป็นการยื่นแบบ ภ.ง.ด. 51 ซึ่งเงื่อนไขคือนิติบุคคลดังกล่าวต้องมีระยะเวลารอบบัญชีเกิน 12 เดือน และมีการจดทะเบียนนิติบุคคลอย่างถูกต้อง กำหนดเวลาการยื่นภาษีครึ่งปี ซึ่งการยื่นแบบภงด94 เพื่อชำระภาษีรอบครึ่งปีแรก มีกำหนดเวลาในการยื่นแบบภายในช่วง 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน ซึ่งผู้ประกอบการต้องยื่นภาษีโดยคำนวณจากรายได้รวมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายนนั่นเอง ขายของออนไลน์ยื่นภ.ง.ด.94 เมื่อไหร่? สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จะนับเป็นผู้มีรายได้ตามมาตรา 40(8) และมีจำนวนรายได้รวมครึ่งปีตามที่เงื่อนไขกำหนด จำเป็นต้องยื่นภาษีรอบครึ่งปี โดยจะเป็นการยื่นในช่วงวันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายนเช่นเดียวกัน สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่มีรายได้แต่ละเดือนไม่คงที่ การยื่นภาษีภ.ง.ด.94 รอบครึ่งปีจึงช่วยแบ่งเบาภาระด้านภาษีไปได้มากเลยทีเดียว ทำงานประจำและขายของออนไลน์ต้องยื่นหรือไม่? ถ้าทำทั้งงานประจำ และมีขายของออนไลน์เป็นงานเสริม ยังจำเป็นต้องยื่นภงด94 ไหม? คำตอบคือ ต้องยื่นภาษีรอบครึ่งปีด้วย โดยเป็นการนำเฉพาะเงินได้จากการขายสินค้าออนไลน์ที่ซึ่งเข้าข่ายเงินได้มาตรา 40(8) ในระหว่างช่วงเดือนมกราคม – มิถุนายน มายื่นแบบภ.ง.ด.94 ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยการยื่นครึ่งปีนี้ช่วยแบ่งเบาภาระภาษี เพราะนอกจากเงินได้จากการขายสินค้าออนไลน์แล้ว ยังต้องเสียภาษีเงินได้จากเงินเดือนอีกด้วย หากจ่ายทีเดียวอาจต้องเสียภาษีก้อนใหญ่นั่นเอง เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่น สำหรับการยื่นภ.ง.ด.94 ใช้เอกสารที่ใช้ยื่นควบคู่กับแบบภ.ง.ด.94 ที่สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์กรมสรรพากร จะมีเอกสารอื่นประกอบไปด้วย ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาษีครึ่งปี การยื่นภาษีมักมีเรื่องที่หลายคนเข้าใจผิดอยู่ด้วยเสมอ เพราะรายละเอียดที่ค่อนข้างเยอะ และเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งสำหรับการยื่นภงด94 ก็มีข้อสงสัยที่มักเข้าใจผิดเช่นกัน “มีเงินเดือนแล้ว ไม่ต้องยื่น ภ.ง.ด.94” : ไม่เสมอไป หากมีรายได้อื่นนอกเหนือจากเงินเดือน เพราะภ.ง.ด.94 คือการยื่นชำระภาษีรอบครึ่งปีจากประเภทรายได้ที่ตรงตามมาตรา 40(5) – 40(8) ซึ่งทั้ง 4 ประเภทนั้นล้วนเป็นรายได้อื่นนอกเหนือจากเงินเดือนทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ถ้ามีรายได้เกินที่กำหนดก็จำเป็นต้องชำระภาษีล่วงหน้าตรงส่วนนี้ “บุคคลธรรมดาภาษียื่นเฉพาะช่วงสิ้นปีอย่างเดียว” : จำเป็นต้องยื่นครึ่งปี หากเข้าข่ายตามเงื่อนไขที่กำหนด หากมีรายได้อื่นนอกจากเงินเดิน และเป็นรายได้ประเภทที่กำหนด รวมไปถึงจำนวนเงินได้ตลอด 6 เดือนเกินเงื่อนไขที่กำหนดไว้ บุคคลธรรมดาก็ต้องยื่นชำระภาษีครึ่งปีเช่นเดียวกัน “ยื่นภาษีครึ่งปีแล้วต้องได้เงินคืน” : ไม่ถูกต้อง เพราะการยื่นภาษีครึ่งปีเป็นการชำระภาษีล่วงหน้า ด้วยวัตถุประสงค์ที่ช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้อื่นนอกเหนือจากเงินเดือนไม่จำเป็นต้องแบกรับภาษีทีเดียวสิ้นปี ซึ่งอาจต้องเสียเงินก้อนใหญ่ ทางกรมสรรพากรจึงกำหนดให้มีการชำระภาษีครึ่งปีล่วงหน้าเพื่อแบ่งเบาภาระในส่วนนี้นั่นเอง ภาษีครึ่งปีสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้หรือไม่? สำหรับการยื่นแบบชำระภาษีครึ่งปีแรกสามารถใช้สิทธิ์ในการลดย่อนภาษีได้เช่นกัน แต่จะเป็นการลดหย่อนครึ่งเดียวจากยอดการลดหย่อนเต็มเท่านั้น ตัวอย่างรายการที่สามารถใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ นอกจากนี้การลดหย่อนอื่น ๆ เช่น คู่สมรส บุตร หรือการลงทุนในกองทุน RMF และ SSF ก็สามารถลดหย่อนภาษีครึ่งปีได้เช่นกัน เคล็ดลับการยื่นสำหรับผู้ประกอบการและฟรีแลนซ์ การจัดการภาษีสำหรับผู้ประกอบการและฟรีแลนซ์เป็นเรื่องที่จำเป็น และต้องมีความเข้าใจในระบบพอสมควร เพื่อให้ผู้ประกอบการและฟรีแลนซ์สามารถจัดการภาษีครึ่งปีได้อย่างถูกต้องไม่ตกหล่น เรามีเคล็ดลับมาฝากกัน 1. เก็บหลักฐานอย่างเป็นระบบ การเก็บหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับรายได้และค่าใช้จ่ายอย่างเป็นระบบ ก็สามารถนำไปใช้ประกอบการคำนวณภาษี และสามารถใช้ยื่นประกอบไปกับ ภงด94 ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถนำเอกสารเหล่านี้มาใช้ในการคำนวณภาษีที่ต้องเสียล่วงหน้าคร่าว ๆ ได้อีกด้วย 2. วางแผนภาษีระหว่างปี สำหรับผู้ประกอบการ และฟรีแลนซ์ที่มีรายได้แต่ละเดือนไม่เท่ากัน การวางแผนภาษีระหว่างปีเพื่อให้ทราบจำนวนภาษีคร่าว ๆ ที่ต้องเสีย เพื่อให้สามารถวางแผนการลดหย่อนได้ ช่วยลดจำนวนภาษีที่ต้องเสีย หรือให้ผู้ประกอบการและฟรีแลนซ์สามารถเตรียมเงินบางส่วนสำหรับจ่ายภาษีส่วนนี้ได้ 3. ใช้โปรแกรมบัญชีช่วยคำนวณเพื่อลดความผิดพลาด สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หรือฟรีแลนซ์ที่อาจไม่ได้มีนักบัญชีคอยช่วยดูแลในเรื่องของการคำนวณภาษี หรือจัดเก็บเอกสารต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบ การปรับใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่มักมาพร้อมฟีเจอร์ช่วยจัดการระบบบัญชี และการคำนวณภาษีก็เป็นวิธีที่ช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ หากผู้ประกอบการที่กำลังมองหาโปรแกรมบัญชีที่มาพร้อมฟีเจอร์ครบถ้วนพร้อมเปรียบเสมือนนักบัญชีข้างกายให้กับธุรกิจของคุณ ช่วยให้คุณสามารถยื่นภาษีภงด94 ได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น โปรแกรมบัญชี PEAK พร้อมช่วยเหลือคุณ ด้วยโปรแกรมที่มีฟีเจอร์ครอบคลุมในด้านบัญชี พร้อมให้คุณติดตามรายงานการเงิน รวมไปถึงจัดการภาษีได้อย่างถูกต้อง ที่สำคัญคือใช้งานง่าย ใช้เวลาศึกษาไม่นานก็สามารถจัดการระบบบัญชีของธุรกิจให้เป็นระเบียบมากขึ้น เตรียมความพร้อมสู่การเติบโตในอนาคต! ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

อ่านบทความเพิ่มเติม

บัญชี

ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับบัญชี

อ่านบทความเพิ่มเติม

ภาษี

ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับภาษี

อ่านบทความเพิ่มเติม

3 Oct 2025

PEAK Account

14 min

คู่มือ ภงด94 สำหรับผู้ประกอบการ พร้อมเคล็ดลับการยื่นช่วยลดข้อผิดพลาด

เทศกาลยื่นภาษีไม่ได้มีเพียงแค่ช่วงสิ้นปี แต่สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ฟรีแลนซ์ หรือผู้ที่ทำธุรกิจอื่น ๆ ในนามบุคคลธรรมดาจำเป็นต้องยื่น ภาษีครึ่งปี ด้วย แบบ ภ.ง.ด.94 เช่นกัน ซึ่งในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับแบบยื่นภาษีนี้ ว่าต้องยื่นเมื่อไหร่ ใครต้องยื่นบ้าง รวมไปถึงเคล็ดลับสำหรับผู้ประกอบการและฟรีแลนซ์ในการยื่น ภาษีครึ่งปี จะเป็นอย่างไรบ้าง มาติดตามในบทความนี้กันได้เลย ภ.ง.ด.94 คืออะไร? ภ.ง.ด.94 คือ แบบยื่นเพื่อชำระภาษีรอบครึ่งปีแรกของบุคคลธรรมดา โดยเป็นการคำนวณรายได้จากรอบบัญชีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน และจำนวนรายได้ที่นำมาคำนวณนั้นจะไม่รวมรายได้จากงานประจำ  ซึ่งการยื่นแบบภาษีรอบครึ่งปีของบุคคลธรรมดา จะต้องยื่นเฉพาะผู้ที่มีเงินได้ตามมาตราที่กำหนด และมีรายได้รวมครึ่งปีแรกเริ่มต้นที่ 60,000 บาทขึ้นไปสำหรับผู้ที่มีสถานะโสด และ 120,000 บาทขึ้นไปสำหรับผู้ที่มีสถานะสมรส ความสำคัญของภาษีครึ่งปี การยื่นชำระภาษีภ.ง.ด.94 ช่วยแบ่งเบาภาระภาษีของธุรกิจออกไปได้ส่วนหนึ่ง เพราะเป็นการแบ่งจ่ายเฉพาะรอบ 6 เดือนแรก ทำให้จำนวนภาษีที่ต้องเสียนั้นไม่ได้เป็นก้อนใหญ่ที่ต้องเสียทีเดียว สามารถช่วยรักษาสภาพคล่องของธุรกิจได้ นอกจากนี้อาจหลายธุรกิจยังเลือกใช้โอกาสนี้ในการวิเคราะห์บัญชีครึ่งปีแรกเพื่อคาดการณ์วางแผนการเงิน หรือแนวทางการดำเนินธุรกิจสำหรับครึ่งปีหลังได้อีกด้วย ใครบ้างที่ต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 94 สำหรับการยื่นแบบชำระภาษีรอบครึ่งปี หากเป็นบุคคลธรรมดาที่ต้องยื่นภงด94 จะกำหนดจากประเภทของรายได้ และจำนวนรายได้รวมตลอดระยะเวลา 6 เดือนแรกของปี หากเข้าข่ายเงื่อนไขที่กำหนดก็จำเป็นต้องชำระภาษีในส่วนนี้ โดยผู้มีรายได้ตามมาตรา 40(5) – 40(8) จำเป็นต้องเสียภาษีส่วนนี้ หากธุรกิจของคุณมีรายได้ตรงตามมาตราใดมาตราหนึ่งจากทั้งหมด 4 มาตรานี้ และรายได้รวมตลอดระยะเวลา 6 เดือนครบกำหนด 60,000 บาท (สถานะโสด) หรือ 120,000 บาท (สถานะสมรส) ก็จำเป็นต้องทำการยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 ด้วย แต่ในกรณีของนิติบุคคลนั้นมีข้อกำหนดที่จะต้องยื่นแบบภาษีรอบครึ่งปีอยู่แล้ว โดยเป็นการยื่นแบบ ภ.ง.ด. 51 ซึ่งเงื่อนไขคือนิติบุคคลดังกล่าวต้องมีระยะเวลารอบบัญชีเกิน 12 เดือน และมีการจดทะเบียนนิติบุคคลอย่างถูกต้อง กำหนดเวลาการยื่นภาษีครึ่งปี ซึ่งการยื่นแบบภงด94 เพื่อชำระภาษีรอบครึ่งปีแรก มีกำหนดเวลาในการยื่นแบบภายในช่วง 1 กรกฎาคม – 30 กันยายน ซึ่งผู้ประกอบการต้องยื่นภาษีโดยคำนวณจากรายได้รวมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายนนั่นเอง ขายของออนไลน์ยื่นภ.ง.ด.94 เมื่อไหร่? สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จะนับเป็นผู้มีรายได้ตามมาตรา 40(8) และมีจำนวนรายได้รวมครึ่งปีตามที่เงื่อนไขกำหนด จำเป็นต้องยื่นภาษีรอบครึ่งปี โดยจะเป็นการยื่นในช่วงวันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายนเช่นเดียวกัน สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่มีรายได้แต่ละเดือนไม่คงที่ การยื่นภาษีภ.ง.ด.94 รอบครึ่งปีจึงช่วยแบ่งเบาภาระด้านภาษีไปได้มากเลยทีเดียว ทำงานประจำและขายของออนไลน์ต้องยื่นหรือไม่? ถ้าทำทั้งงานประจำ และมีขายของออนไลน์เป็นงานเสริม ยังจำเป็นต้องยื่นภงด94 ไหม? คำตอบคือ ต้องยื่นภาษีรอบครึ่งปีด้วย โดยเป็นการนำเฉพาะเงินได้จากการขายสินค้าออนไลน์ที่ซึ่งเข้าข่ายเงินได้มาตรา 40(8) ในระหว่างช่วงเดือนมกราคม – มิถุนายน มายื่นแบบภ.ง.ด.94 ภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยการยื่นครึ่งปีนี้ช่วยแบ่งเบาภาระภาษี เพราะนอกจากเงินได้จากการขายสินค้าออนไลน์แล้ว ยังต้องเสียภาษีเงินได้จากเงินเดือนอีกด้วย หากจ่ายทีเดียวอาจต้องเสียภาษีก้อนใหญ่นั่นเอง เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่น สำหรับการยื่นภ.ง.ด.94 ใช้เอกสารที่ใช้ยื่นควบคู่กับแบบภ.ง.ด.94 ที่สามารถดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์กรมสรรพากร จะมีเอกสารอื่นประกอบไปด้วย ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาษีครึ่งปี การยื่นภาษีมักมีเรื่องที่หลายคนเข้าใจผิดอยู่ด้วยเสมอ เพราะรายละเอียดที่ค่อนข้างเยอะ และเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งสำหรับการยื่นภงด94 ก็มีข้อสงสัยที่มักเข้าใจผิดเช่นกัน “มีเงินเดือนแล้ว ไม่ต้องยื่น ภ.ง.ด.94” : ไม่เสมอไป หากมีรายได้อื่นนอกเหนือจากเงินเดือน เพราะภ.ง.ด.94 คือการยื่นชำระภาษีรอบครึ่งปีจากประเภทรายได้ที่ตรงตามมาตรา 40(5) – 40(8) ซึ่งทั้ง 4 ประเภทนั้นล้วนเป็นรายได้อื่นนอกเหนือจากเงินเดือนทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ถ้ามีรายได้เกินที่กำหนดก็จำเป็นต้องชำระภาษีล่วงหน้าตรงส่วนนี้ “บุคคลธรรมดาภาษียื่นเฉพาะช่วงสิ้นปีอย่างเดียว” : จำเป็นต้องยื่นครึ่งปี หากเข้าข่ายตามเงื่อนไขที่กำหนด หากมีรายได้อื่นนอกจากเงินเดิน และเป็นรายได้ประเภทที่กำหนด รวมไปถึงจำนวนเงินได้ตลอด 6 เดือนเกินเงื่อนไขที่กำหนดไว้ บุคคลธรรมดาก็ต้องยื่นชำระภาษีครึ่งปีเช่นเดียวกัน “ยื่นภาษีครึ่งปีแล้วต้องได้เงินคืน” : ไม่ถูกต้อง เพราะการยื่นภาษีครึ่งปีเป็นการชำระภาษีล่วงหน้า ด้วยวัตถุประสงค์ที่ช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้อื่นนอกเหนือจากเงินเดือนไม่จำเป็นต้องแบกรับภาษีทีเดียวสิ้นปี ซึ่งอาจต้องเสียเงินก้อนใหญ่ ทางกรมสรรพากรจึงกำหนดให้มีการชำระภาษีครึ่งปีล่วงหน้าเพื่อแบ่งเบาภาระในส่วนนี้นั่นเอง ภาษีครึ่งปีสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนได้หรือไม่? สำหรับการยื่นแบบชำระภาษีครึ่งปีแรกสามารถใช้สิทธิ์ในการลดย่อนภาษีได้เช่นกัน แต่จะเป็นการลดหย่อนครึ่งเดียวจากยอดการลดหย่อนเต็มเท่านั้น ตัวอย่างรายการที่สามารถใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ นอกจากนี้การลดหย่อนอื่น ๆ เช่น คู่สมรส บุตร หรือการลงทุนในกองทุน RMF และ SSF ก็สามารถลดหย่อนภาษีครึ่งปีได้เช่นกัน เคล็ดลับการยื่นสำหรับผู้ประกอบการและฟรีแลนซ์ การจัดการภาษีสำหรับผู้ประกอบการและฟรีแลนซ์เป็นเรื่องที่จำเป็น และต้องมีความเข้าใจในระบบพอสมควร เพื่อให้ผู้ประกอบการและฟรีแลนซ์สามารถจัดการภาษีครึ่งปีได้อย่างถูกต้องไม่ตกหล่น เรามีเคล็ดลับมาฝากกัน 1. เก็บหลักฐานอย่างเป็นระบบ การเก็บหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับรายได้และค่าใช้จ่ายอย่างเป็นระบบ ก็สามารถนำไปใช้ประกอบการคำนวณภาษี และสามารถใช้ยื่นประกอบไปกับ ภงด94 ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถนำเอกสารเหล่านี้มาใช้ในการคำนวณภาษีที่ต้องเสียล่วงหน้าคร่าว ๆ ได้อีกด้วย 2. วางแผนภาษีระหว่างปี สำหรับผู้ประกอบการ และฟรีแลนซ์ที่มีรายได้แต่ละเดือนไม่เท่ากัน การวางแผนภาษีระหว่างปีเพื่อให้ทราบจำนวนภาษีคร่าว ๆ ที่ต้องเสีย เพื่อให้สามารถวางแผนการลดหย่อนได้ ช่วยลดจำนวนภาษีที่ต้องเสีย หรือให้ผู้ประกอบการและฟรีแลนซ์สามารถเตรียมเงินบางส่วนสำหรับจ่ายภาษีส่วนนี้ได้ 3. ใช้โปรแกรมบัญชีช่วยคำนวณเพื่อลดความผิดพลาด สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์หรือฟรีแลนซ์ที่อาจไม่ได้มีนักบัญชีคอยช่วยดูแลในเรื่องของการคำนวณภาษี หรือจัดเก็บเอกสารต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบ การปรับใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่มักมาพร้อมฟีเจอร์ช่วยจัดการระบบบัญชี และการคำนวณภาษีก็เป็นวิธีที่ช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ หากผู้ประกอบการที่กำลังมองหาโปรแกรมบัญชีที่มาพร้อมฟีเจอร์ครบถ้วนพร้อมเปรียบเสมือนนักบัญชีข้างกายให้กับธุรกิจของคุณ ช่วยให้คุณสามารถยื่นภาษีภงด94 ได้ถูกต้องมากยิ่งขึ้น โปรแกรมบัญชี PEAK พร้อมช่วยเหลือคุณ ด้วยโปรแกรมที่มีฟีเจอร์ครอบคลุมในด้านบัญชี พร้อมให้คุณติดตามรายงานการเงิน รวมไปถึงจัดการภาษีได้อย่างถูกต้อง ที่สำคัญคือใช้งานง่าย ใช้เวลาศึกษาไม่นานก็สามารถจัดการระบบบัญชีของธุรกิจให้เป็นระเบียบมากขึ้น เตรียมความพร้อมสู่การเติบโตในอนาคต! ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

อ่านบทความเพิ่มเติม

ธุรกิจ

ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกิจ

อ่านบทความเพิ่มเติม

3 Oct 2025

PEAK Account

17 min

หยุดความเสี่ยง! รู้จักบัญชีม้า กลโกงมิจฉาชีพ และวิธีป้องกันธุรกิจคุณ

ช่วงนี้หลายท่านอาจได้ยินคำว่าบัญชีม้ากันบ่อย ๆ แต่ไม่เคยเข้าใจว่ามันคืออะไร บางท่านอาจมีคนใกล้ตัวถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้าจนถูกดำเนินคดี หรือผู้ประกอบการบางท่านอาจสงสัยว่ามีเงินโอนเข้าบ่อย ๆ จะถูกอายัดบัญชีหรือไม่ ในบทความนี้เรารวบรวมความรู้เกี่ยวกับ บัญชีม้า กลโกงของมิจฉาชีพ และวิธีป้องกันไว้ให้คุณ บัญชีม้า คืออะไร? บัญชีม้า คือ บัญชีเงินฝากที่เจ้าของชื่อบัญชีไม่ได้เปิดขึ้นมาเพื่อใช้งานบัญชีดังกล่าวด้วยตัวเอง แต่เปิดบัญชีเพื่อให้มิจฉาชีพใช้ในการโอนเงินผิดกฎหมาย หรือรับเงินที่ได้มาจากการหลอกลวง ไม่ว่าจะเป็นเงินจากการพนันผิดกฎหมาย แก๊งคอลเซนเตอร์ที่หลอกลวงเงินจากผู้อื่น หรือแม้กระทั่งการฟอกเงิน ก็มักใช้บัญชีม้าเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามไปจนถึงต้นตอผู้กระทำผิด เพราะไม่สามารถโยงเส้นทางการเงินไปหาตัวได้นั่นเอง นอกจากนี้ในบางครั้งผู้ที่เปิดบัญชีม้าก็ถูกหลอกจากมิจฉาชีพให้เปิดบัญชีม้ามาอีกที ทำให้หลายครั้งกระทำความผิดโดยไม่รู้ตัว แต่หากถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบก็นับว่ามีความผิดทางกฎหมายเช่นกัน ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันตนเองส่วนถัดไปของบทความนี้เราจะมาแนะนำวิธีป้องกันจากการถูกหลอก พร้อมแนวทางการจัดการเมื่อถูกหลอกเปิดบัญชีม้า หรือถูกอายัดบัญชีเนื่องจากเข้าข่ายเป็นต้องสงสัยกัน เหตุผลที่เรียกว่า บัญชีม้า แต่ก่อนอื่น หลายท่านน่าจะสงสัยว่า ทำไมเรียกบัญชีม้า ซึ่งเหตุผลก็เพราะว่า ม้า ในที่นี้เปรียบเสมือนยานพาหนะสำหรับการพาเงินที่ได้มาจากการโกงผู้อื่น หรือเงินผิดกฎหมายที่ได้จากผู้ถูกหลอกลวง ไปสู่บัญชีของตนเองนั่นเอง และเพื่อให้สามารถติดตามตรวจสอบได้ยาก จึงมีการใช้ ม้า หรือ บัญชีม้า มาเป็นตัวกลางนั่นเอง บัญชีม้า แต่ละสี/ประเภท ข้อบ่งชี้ระดับความเสี่ยงของบัญชี บัญชีม้านั้นมีหลายระดับ โดยสามารถแบ่งตามระดับความเสี่ยงของการเข้าข่ายเป็นบัญชีม้า โดยสามารถเรียงลำดับได้ดังนี้ บัญชีธุรกิจที่มีความเสี่ยงเป็นบัญชีต้องสงสัย เงื่อนไขการเข้าข่ายเป็นบัญชีม้านั้นมีหลายแบบ แต่ด้วยรูปแบบของการดำเนินธุรกิจบางครั้งอาจทำให้สุ่มเสี่ยงเป็นบัญชีม้ามากเป็นพิเศษ โดยสามารถแบ่งเงื่อนไขได้เป็นดังนี้ ดังนั้นผู้ประกอบการท่านไหนที่บัญชีของธุรกิจเข้าข่ายทั้ง 3 ข้อนี้ก็มีโอกาสโดนตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ ดังนั้นควรเตรียมเอกสารเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของเส้นทางการเงินให้ครบถ้วน เพราะหากถูกระงับบัญชีเพื่อตรวจสอบ ก็สามารถกู้คืนกลับมาได้เร็วยิ่งขึ้น โอนเงินเข้าออกหลายครั้ง เข้าข่ายเป็นบัญชีม้าหรือไม่? หากบัญชีของคุณมีการโอนเงินเข้าออกหลายครั้ง อาจจะยังไม่นับว่าเป็นบัญชีม้า แต่อาจถูกตรวจสอบโดยทางกฎหมายได้มีการกำหนดเงื่อนไขประเภทของบัญชีที่ต้องทำการชี้แจงที่มาของเงินดังนี้ หากคุณเป็นผู้ประกอบการที่ต้องรับเงินเข้าบัญชีตัวเองหลายครั้งต่อปี แต่หากยังไม่ถึงกำหนดข้างต้นก็ไม่จำเป็นต้องกังวล แต่ทั้งนี้แนะนำให้เก็บเอกสารไว้ให้ครบถ้วนสำหรับการยื่นให้สรรพากรในกรณีที่มีการตรวจสอบ บทลงโทษของการเปิดบัญชีม้า หากชื่อบัญชีของคุณถูกนำไปใช้เป็นเส้นทางการเงินผิดกฎหมายหรือกลายเป็นบัญชีม้า ก็เข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายที่มีบทลงโทษกำหนดไว้อย่างชัดเจน โดยผู้กระทำความผิดจะเป็นทั้งผู้ที่นำบัญชีม้าไปใช้ และชื่อของผู้เปิดบัญชีอีกด้วย ซึ่งข้อกฎหมายนี้อยู่ใน พระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ได้มีการระบุบทลงโทษไว้ว่าจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีและปรับไม่เกิน 300,000 บาท โดยผู้ที่เข้าข่ายจะรวมตั้งแต่การเปิดบัญชี หรือยินยอมให้ใช้บัญชีธนาคารในการรับเงินผิดกฎหมาย หรือชำระเงินเกี่ยวกับสิ่งที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ข้อกฎหมายยังกำหนดครอบคลุมไปถึงบัญชีธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ บัตรเครดิต และบัตรเดบิต ในส่วนของผู้ที่จัดหาหรือโฆษณาเชิญชวนผู้อื่นให้เปิดบัญชีม้าก็มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-5 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 – 500,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับด้วยนั่นเอง เป็นอีกหนึ่งการกระทำความผิดที่มีบทลงโทษรุนแรง ผลกระทบจากการต้องสงสัยและถูกระงับบัญชี สำหรับผู้ประกอบการแล้ว หากบัญชีของธุรกิจถูกระงับเนื่องจากเข้าข่ายต้องสงสัยว่าเป็นบัญชีม้าต้องส่งผลกระทบร้ายแรงสำหรับการดำเนินกิจการในหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน ที่หากบัญชีถูกระงับหรืออยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ห้ามทำธุรกรรม ก็อาจทำให้ไม่สามารถจ่ายเงินเดือนพนักงาน ส่งผลต่อไปถึงความน่าเชื่อถือของบริษัท นอกจากนี้ในมุมที่เกี่ยวข้องกับคนนอกบริษัท หากบริษัทจำเป็นต้องชำระหนี้ทุกเดือน แต่ไม่สามารถโอนเงินออกจากบัญชีได้ก็ส่งผลกระทบในส่วนนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ ความไว้ใจในการทำธุรกิจระหว่างองค์กรด้วยเช่นเดียวกัน ในที่นี้ก็อาจรวมไปถึงการบริหารเงินภายในองค์กรเองด้วย ด้วยเหตุนี้นักบัญชีหรือผู้ประกอบการควรที่จะให้ความสำคัญ วางแผนล่วงหน้าหากธุรกิจของเราอาจถูกตรวจสอบ ด้วยการเตรียมเงินสดสำรอง รวมไปถึงการเตรียมเอกสารหลักฐานสำคัญที่ใช้ในการยืนยันความบริสุทธิ์ให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อให้สามารถจัดการบัญชีให้กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็วหากถูกตรวจสอบ วิธีป้องกันบัญชีบริษัทไม่ให้กลายเป็นบัญชีม้า ในส่วนนี้เราได้รวบรวมวิธีป้องกันเบื้องต้น ที่ช่วยให้บัญชีขององค์กรไม่ให้เข้าข่ายสุ่มเสี่ยงกลายเป็นบัญชีม้าโดยไม่รู้ตัว ซึ่งโดยหลักแล้วธุรกิจสามารถป้องกันได้ด้วยการจัดการระบบควบคุมภายใน (Internal Control) ขององค์กรให้ชัดเจน มีความเป็นระเบียบ แบ่งแยกหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง โดยสามารถทำได้ 3 ข้อดังนี้ 1. แบ่งแยกหน้าที่ระหว่างฝ่ายบัญชีและการเงินให้ชัดเจน (Segregation of Duties) เพราะการทำงานที่ทับซ้อนหรือไม่ชัดเจนอาจก่อให้เกิดความผิดพลาดในการจัดการระบบภายในองค์กรได้ หรือการแบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน และห้ามให้มีการผ่อนปรนอันเป็นโอกาสนำไปสู่ปัญหาได้ ซึ่ง Segregation of Duties หรือ SoD สามารถทำได้หลัก ๆ ดังนี้ ซึ่งการจัดการระบบภายในเหล่านี้จะช่วยให้ทำงานกันอย่างลื่นไหล เป็นระเบียบ ลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาด ซึ่งรวมไปถึงปิดช่องโหว่การฉ้อโกง เพิ่มความโปร่งใสในการทำงาน และลดโอกาสที่จะทำให้บัญชีเข้าข่ายต้องสงสัย หรือหากมีการตรวจสอบก็มีหลักฐานชัดเจน 2. ตรวจสอบรายการบัญชีเป็นประจำ เนื่องจากบัญชีม้ามีความเกี่ยวข้องกับการเดินบัญชี ดังนั้นการตรวจสอบรายการบัญชีของธุรกิจเป็นประจำอย่างต่อเนื่องสามารถช่วยป้องกันได้ระดับหนึ่ง หรืออาจดูจากจำนวนครั้งการโอน และยอดการโอนที่หากเข้าข่ายต้องได้รับการตรวจสอบจากกรมสรรพากร นักบัญชีอาจเตรียมเอกสารการชี้แจงต่าง ๆ ให้พร้อมเพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบเร็วยิ่งขึ้น 3. กำหนดผู้มีอำนาจในตรวจสอบอนุมัติ การทำธุรกรรมแต่ละครั้งควรมีผู้มีอำนาจไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชี หรือเจ้าของธุรกิจรับหน้าที่ตรวจสอบรายการธุรกรรมและเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีของบริษัท เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการโกงโดยพนักงาน หรือมีการโอนเงินที่ผิดปกติ 4. จัดเก็บเอกสารด้านบัญชีอย่างเป็นระบบ หากธุรกิจเข้าข่ายสุ่มเสี่ยงและถูกตรวจสอบจากผู้มีอำนาจ ผู้ประกอบการสามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของเส้นทางการเงินบริษัทได้ด้วยการแสดงเอกสารต่าง ๆ เช่น ใบแจ้งหนี้ หรือใบเสร็จรับเงินที่สามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงความบริสุทธิ์ได้ ดังนั้นนักบัญชีหรือผู้ประกอบการควรวางระบบภายในที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บเอกสาร เช่น การใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ควบคู่กับการเก็บเอกสารฉบับจริง ก็สามารถช่วยให้จัดการเอกสารด้านบัญชีให้เป็นระเบียบ เรียกดูเอกสารแต่ละฉบับได้ง่ายมากขึ้นได้ Checklist เอกสารที่ต้องเตรียม เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเส้นทางการเงินบริษัท ในกรณีที่บริษัทถูกตรวจสอบจากผู้มีอำนาจ เนื่องจากเข้าข่ายเสี่ยงเป็นบัญชีม้า ผู้ประกอบการหรือนักบัญชีสามารถจัดเตรียมเอกสารให้เรียบร้อยสำหรับการยืนยันเส้นทางการเงิน เป็นการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้องค์กร โดยมีเอกสารทั้งหมด 4 ส่วนดังนี้ ซึ่งเอกสารเหล่านี้สามารถใช้ในการยืนยันถึงเส้นทางการเงินของบริษัทได้ ดังนั้นผู้ประกอบการควรมีการวางระบบจัดการเอกสารให้ชัดเจน หากมีความจำเป็นต้องยื่นเอกสารเหล่านี้ประกอบก็สามารถทำได้รวดเร็วและถูกต้องมากยิ่งขึ้น โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ตัวช่วยจัดการเอกสารด้านบัญชีในองค์กร จากที่เราได้แนะนำก่อนหน้านี้ว่า การใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ควบคู่ไปกับการจัดเก็บเอกสารฉบับจริง ก็ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการระบบเอกสารเหล่านี้ได้ดีมากยิ่งขึ้น สามารถเรียกดูได้ง่าย ลดโอกาสที่เอกสารจะสูญหาย รวมไปถึงสามารถดูข้อมูลได้อย่างชัดเจน ซึ่ง PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ก็เป็นหนึ่งในโปรแกรมด้านบัญชีที่สามารถใช้ในการจัดการระบบบัญชีในองค์กร มาพร้อมฟีเจอร์ด้านบัญชีต่าง ๆ มากมาย ที่นอกจากช่วยการจัดการเอกสารในการยืนยันความบริสุทธิ์จากการเข้าข่ายเป็นบัญชีม้า ยังสามารถออกเอกสารบัญชี เรียกดูรายงาน เพื่อการวิเคราะห์ด้านการเงินของธุรกิจได้อย่างแม่นยำ! ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

25 Jul 2025

PEAK Account

15 min

เทคนิคออกเอกสาร หนังสือรับรองเงินเดือน ให้ถูกต้องและมืออาชีพ

ผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจมาระดับหนึ่ง และมีพนักงานพอสมควร ต้องเคยมีพนักงานเข้ามาขอใบรับรองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นใบรับรองการทำงาน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน และในบทความนี้เราจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ หนังสือรับรองเงินเดือน ให้มากขึ้น ว่าคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร รวมไปถึงข้อมูลที่ต้องมี เพื่อให้สามารถออกเอกสารให้พนักงานได้อย่างถูกต้อง จะมีเนื้อหาอะไรบ้าง เรามาเริ่มกันเลย! ทำความรู้จัก หนังสือรับรองเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน คือ เอกสารที่บริษัทออกให้แก่พนักงานเพื่อเป็นการยืนยันถึงเงินเดือนที่พนักงานได้รับในแต่ละเดือนจากบริษัทดังกล่าว และนอกจากการยืนยันจำนวนเงินเดือนแล้ว ยังเป็นเอกสารที่ช่วยยืนยันสถานะการทำงาน การเป็นพนักงานในองค์กรนั้น ๆ ได้อีกเช่นเดียวกัน ซึ่งหนังสือรับรองเงินเดือนนี้ก็จะประกอบไปด้วยข้อมูลสำคัญสำหรับใช้ในด้านการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับด้านการเงิน โดยผู้ประกอบการสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเต็ม ๆ เกี่ยวกับหนังสือรับรองเงินเดือนได้ที่บทความ “ใบรับรองเงินเดือนเอกสารสำคัญที่มนุษย์เงินเดือนห้ามพลาด” ซึ่งโดยปกติแล้วหนังสือรับรองเงินเดือนที่พนักงานขอมักนำไปใช้ในการติดต่อธุระ โดยหลักจะมี 2 วัตถุประสงค์ที่พนักงานมักขอประกอบไปด้วย เหตุผลที่จำเป็นต้องใช้เอกสารรับรองเงินเดือนในการติดต่อธุระเหล่านี้ เพื่อเป็นการยืนยันสถานภาพทางการเงินของผู้ยื่นว่ามีเงินเดือนและสามารถชำระหนี้ได้ตามที่กำหนด สิ่งที่ผู้ประกอบการควรรู้เกี่ยวกับการออก เอกสารรับรอง สำหรับผู้ประกอบการแล้ว ถึงแม้เราอาจไม่ได้ใช้หนังสือรับรองเงินเดือนโดยตรง แต่ก็มีหน้าที่ต้องออกเอกสารเหล่านี้ให้พนักงาน ในส่วนนี้เราจึงจะมาแนะนำในมุมของผู้ประกอบการโดยเฉพาะ ว่ามีเรื่องใดที่ควรทราบ 1. เตรียมเอกสารล่วงหน้า ลดความยุ่งยากในการทำงาน สำหรับเอกสารหนังสือรับรองเงินเดือน เป็นเอกสารที่ผู้ประกอบการสามารถเตรียมไว้ล่วงหน้าได้เป็นเทมเพลตเพื่อให้สามารถนำมาใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องเพิ่มขั้นตอนให้มีความยุ่งยากซับซ้อน เมื่อมีพนักงานขอเอกสารสามารถเปลี่ยนข้อมูลเล็กน้อยและใช้ได้เลย 2. ผู้จัดการฝ่ายบุคคล หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจะสามารถลงนามรับรองเอกสารได้ การเซ็นรับรองหนังสือเงินเดือนให้พนักงาน โดยปกติจะเป็นอำนาจของผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่สามารถลงลายมือชื่อเพื่อรับรองเอกสารฉบับดังกล่าวได้ นอกจากนี้ผู้ที่รับมอบหมายให้มีอำนาจก็สามารถลงนามเพื่อยืนยันส่วนนี้ได้เช่นกัน 3. ต้องมีการประทับตราบริษัทเสมอ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับหนังสือรับรองเงินเดือน ในส่วนนี้บริษัทจำเป็นต้องลงประทับตราบริษัทลงไปในเอกสารเพื่อเป็นการยืนยัน และลดโอกาสในการปลอมแปลงเอกสารได้  4. การออกเอกสารรับรองสำหรับพนักงานที่รับเงินรายวัน ในบางบริษัทอาจมีพนักงานที่รับเงินรายวัน ไม่ใช่ในรูปแบบของเงินเดือน ในกรณีนี้สามารถออกหนังสือรับรองเงินเดือนได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามภายในเอกสารจำเป็นต้องมีการระบุให้ชัดเจนว่าพนักงานผู้ยื่นขอเอกสาร ได้รับเงินในรูปแบบรายวัน เพื่อแจ้งให้ธนาคารทราบประกอบการพิจารณานั้นเอง 5. หนังสือรับรองเงินเดือน ไม่ใช่ สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน แตกต่างจากสลิปเงินเดือนพอสมควร เพราะหนังสือรับรองเงินเดือนคือเอกสารที่ออกโดยบริษัทตามคำขอพนักงาน มีข้อมูล และการลงลายมือชื่อกำกับพร้อมตราประทับ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับข้อมูลได้มากกว่าสลิปเงินเดือน เพราะในขณะเดียวกัน สลิปเงินเดือน จะเป็นเอกสารที่พนักงานได้รับทุกเดือนอยู่แล้ว เพื่อยืนยันว่าทางบริษัทได้มีการจ่ายเงินเดือนให้พนักงานจริง พร้อมแจงรายละเอียดต่าง ๆ ของเงินที่ได้รับ นอกจากนี้ยังมีเอกสารรับรองการทำงานที่มีความคล้ายกันอีกด้วย 6. ภาษาของเอกสารขึ้นอยู่กับความต้องการของพนักงาน สำหรับหนังสือรับรองเงินเดือนสามารถออกเป็นทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษได้ ขึ้นอยู่กับหน่วยงานหรือเงื่อนไขที่พนักงานต้องการติดต่อยื่นเอกสาร ในส่วนนี้เราขอแนะนำให้ผู้ประกอบการหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจัดเตรียมเทมเพลตไว้ทั้ง 2 ภาษาเพื่อรองรับคำขอจากพนักงาน อีกทั้งยังช่วยลดการทำงานของพนักงานฝ่ายบุคคลหรือผู้ออกเอกสารไม่ต้องทำเอกสารใหม่ทุกครั้งเมื่อเปลี่ยนภาษาอีกด้วย 7. จัดวางระบบ ใช้โปรแกรมออนไลน์ ช่วยลดจำนวนเอกสารและขั้นตอนการทำงาน การออกเอกสารต่างๆ เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน แม้จะไม่ใช่งานที่ยากซับซ้อน แต่กลับเป็นงานที่กินเวลาทำงานของพนักงานฝ่ายบุคคลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในองค์กรที่มีจำนวนพนักงานเยอะ ซึ่งอาจทำให้ฝ่ายบุคคลไม่สามารถมุ่งเป้าหมายไปที่การพัฒนาบุคลากรในองค์กรได้อย่างเต็มที่ เพื่อแก้ปัญหานี้ ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการลดจำนวนงานที่ไม่จำเป็น โดยการนำ โปรแกรมเงินเดือนและบริหารงานบุคคลออนไลน์ เข้ามาช่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง PEAK Payroll ฟีเจอร์ที่ออกแบบมาเพื่อลดขั้นตอนและลดจำนวนเอกสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยฟีเจอร์ PEAK Payroll ฝ่ายบุคคลและผู้ประกอบการจะสามารถ: การนำ PEAK Payroll เข้ามาใช้ จะช่วยให้งานเอกสารของฝ่ายบุคคลลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้มีเวลาและทรัพยากรมากขึ้นในการมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาศักยภาพของบุคลากร ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตขององค์กรในระยะยาวค่ะ 8. เอกสารอื่น ๆ ที่พนักงานอาจขอ นอกจากหนังสือรับรองเงินเดือนแล้ว ยังมีเอกสารอื่นที่พนักงานอาจขอสำหรับการนำไปใช้ยื่นในธุระสำคัญต่าง ๆ ของแต่ละ โดยในส่วนนี้เราขอยกตัวอย่างเอกสารที่ใกล้เคียงกัน และเป็นหนึ่งในเอกสารที่มักมีการขอจากพนักงานบ่อยพอสมควร 8.1 สลิปเงินเดือน จากที่เราได้แนะนำไปในข้อก่อนหน้านี้ สลิปเงินเดือนก็เป็นอีกหนึ่งเอกสารที่พนักงานมักใช้ในการยื่น แต่โดยปกติแล้วสลิปเงินเดือนจะทำการส่งให้พนักงานในแต่ละเดือนเพื่อยืนยันว่าพนักงานได้รับเงินจริงแล้ว ทั้งนี้สำหรับบางองค์กรที่ยังยื่นเอกสารแบบแผ่นจริงให้พนักงาน อาจพบกับปัญหาด้านการจัดเก็บเอกสาร แนะนำให้เลือกใช้โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์ที่มีระบบส่งสลิปอัตโนมัติสะดวกมากยิ่งขึ้น 8.2 หนังสือรับรองการทำงาน อีกหนึ่งเอกสารที่มีความเป็นทางการมากยิ่งขึ้น แต่จะไม่มีการระบุถึงเงินเดือนของพนักงาน โดยจะเป็นเอกสารเพื่อยืนยันสถานภาพการเป็นพนักงานในองค์กรเท่านั้น โดยเอกสารนี้จะมีความใกล้เคียงกับหนังสือรับรองเงินเดือน ที่ต้องมีการลงชื่อโดยผู้รับรอง สามารถทำได้สองภาษา และสามารถทำเป็นเทมเพลตเตรียมให้พนักงานได้เช่นเดียวกัน  ข้อควรระวังในการออกหนังสือรับรองเงินเดือน ข้อควรระวังสำหรับผู้ประกอบการในการออกหนังสือรับรองเงินเดือน คือ ข้อมูลภายในเอกสารที่ควรตรวจสอบให้ถูกต้องชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นชื่อ จำนวนเงินเดือน หรือวันที่ เพื่อลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดและอาจส่งผลเสียถึงองค์กรได้ รวมไปถึงตราประทับบริษัทก็เป็นเรื่องที่สำคัญเพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือของเอกสาร สรุปสิ่งสำคัญที่ควรรู้ก่อนออกเอกสารรับรอง จากข้อมูลข้างต้นน่าจะพอรู้จักกับ หนังสือรับรอง เงินเดือนกันมากขึ้นว่ามีความสำคัญอย่างไร มีข้อมูลอะไรบ้าง และผู้ประกอบการควรเตรียมตัวอย่างไรเมื่อมีพนักงานขอเอกสาร ซึ่งเอกสารฉบับนี้ก็ไม่ได้มีความซับซ้อน แต่หากเตรียมพร้อมให้ดีก็ช่วยลดขั้นตอนการทำงานของพนักงานลงได้ โดยเฉพาะในงานของฝ่ายบุคคลที่เอกสารหนังสือรับรองเงินเดือนเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีเอกสารอีกมากมายที่จำเป็นต้องใช้ และเป็นหน้าที่ขององค์กรในการออกเอกสารเหล่านั้นให้พนักงาน ทำให้การมีโปรแกรมที่เข้ามาช่วยลดขั้นตอนการทำงานในส่วนนี้อย่าง PEAK Payroll ที่พร้อมช่วยลดการทำงานของฝ่ายบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการออกสลิปเงินเดือน การทำเงินเดือนให้เป็นระบบ การยื่นประกันสังคม และการคำนวณภาษี ที่ล้วนเป็นงานซับซ้อนให้ง่ายมากยิ่งขึ้น ลดข้อผิดพลาด พร้อมโฟกัสกับการพัฒนาศักยภาพของพนักงานได้อย่างแท้จริง สามารถอ่านคู่มือการใช้งานเบื้องต้นของ PEAK Payroll ได้ที่นี่ ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

อ่านบทความเพิ่มเติม

การใช้โปรแกรม

ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งาน PEAK

อ่านบทความเพิ่มเติม

1 Oct 2025

PEAK Account

6 min

อัปเดตฟังก์ชัน PEAK 01/10/2025

เอาใจผู้ใช้งานโปรแกรม PEAK ด้วยฟังก์ชันใหม่ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✨ 1. เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานด้วยระบบ PIN 6 หลัก ปกป้องข้อมูลสำคัญใน PEAK 🧑‍💼เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานทุกท่านที่ใช้งานโปรแกรม PEAK 🎯Highlight: ระบบเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลและป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต การบันทึกข้อมูลสำคัญจะต้องกรอก PIN 6 หลักก่อนทุกครั้ง โดยสามารถตั้งค่าการใช้งาน PIN ได้ที่ตั้งค่าข้อมูลส่วนตัว ระบบจะป้องกันความปลอดภัยในการใช้งานในเมนูต่าง ๆ ดังนี้ หมายเหตุ: ✨ 2. เปิดใช้งาน “ใบเบิกสินค้า” ที่เมนูสินค้า คุมการใช้สินค้าในกิจการได้ง่ายขึ้น 🧑‍💼เหมาะสำหรับ : ธุรกิจบริการและซื้อมาขายไป (B2B) ทุกแพ็กเกจใช้งาน 🎯Highlight: ระบบเพิ่มการรองรับใบเบิกสินค้าที่เมนูสินค้า กรณีเบิกสินค้าไปใช้ภายใน เช่น แจกทำการตลาด หรือสินค้าชำรุดเสียหาย พร้อมบันทึกบัญชีและการเคลื่อนไหวสินค้าให้อัตโนมัติ ช่วยให้ควบคุมสินค้าเข้า-ออกได้อย่างเป็นระบบและแม่นยำมากขึ้น หมายเหตุ: สำหรับแพ็กเกจ Free, Basic สามารถออกใบเบิกสินค้าในระบบได้ แต่ระบบจะไม่ทำการบันทึกบัญชีให้ ตัวอย่างเอกสารใบเบิกสินค้า ✨ 3. ปรับหน้าการเคลื่อนไหวในแต่ละสินค้า ช่วยให้ค้นหาดูข้อมูลสต็อกได้สะดวกขึ้นกว่าเดิม 🧑‍💼เหมาะสำหรับ : ทุกกิจการที่ต้องการดูสต็อกสินค้าตามล็อต 🎯Highlight: ระบบปรับหน้าการเคลื่อนไหวในแต่ละสินค้า ช่วยให้ตรวจสอบและเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้รวดเร็วและแม่นยำ โดยปรับข้อมูลดังนี้ หมายเหตุ: ระบบจะแสดงค่าเริ่มต้นวันที่ล็อตเป็นเดือนนี้-เดือนที่แล้วให้อัตโนมัติ ✨ 4. กระทบยอดเร็วและชัดขึ้น ด้วยการปรับคอลัมน์และเลือกหลายรายการในครั้งเดียว 🧑‍💼เหมาะสำหรับ : นักบัญชีที่ใช้ฟังก์ชันกระทบยอดธนาคาร 🎯Highlight: ระบบปรับขนาดคอลัมน์การแสดงยอดเงินที่หน้ากระทบยอดธนาคาร เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานเห็นตัวเลขได้ชัดเจนมากขึ้น พร้อมเพิ่มความสะดวกในการเลือกหลายรายการได้ทีเดียว ช่วยลดเวลาการทำงานและเพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบยอดเงิน ✨ 5. ปรับค่าเริ่มต้นช่วงเวลาการแสดงข้อมูลหน้าตารางเอกสารและสมุดรายวัน จำช่วงเวลาให้อัตโนมัติแม้มีการรีเฟรชข้อมูล 🧑‍💼เหมาะสำหรับ : ทุกกิจการ🎯Highlight: เมื่อผู้ใช้งานมีการปรับช่วงเวลาการดูข้อมูล แม้รีเฟรชหรือกลับเข้ามาใช้งานใหม่ ระบบจะจดจำช่วงเวลาที่ได้มีการปรับไว้ให้อัตโนมัติ ช่วยให้การดูข้อมูลรายรับรายจ่ายและสมุดรายวันใน PEAK ราบรื่นและต่อเนื่องมากกว่าเดิม ทั้งปรับค่าเริ่มต้นช่วงเวลาการแสดงข้อมูลหน้าตารางเอกสารและสมุดรายวันเป็นเดือนนี้-เดือนที่แล้ว

1 Oct 2025

PEAK Account

3 min

Update Function PEAK 01/10/2025

PEAK with the new function designed to enhance efficiency ✨ 1. Strengthen data security with a 6-digit PIN to protect important information in PEAK 🧑‍💼 Suitable for: All PEAK users 🎯 Highlight: A new 6-digit PIN security layer has been added to protect data and prevent unauthorized access. Users will be required to enter a PIN before saving important information. PIN settings can be configured in personal settings, and the system will apply PIN protection in the following menus: 📌 Notes: ✨ 2. New Product Requisition feature in the Products menu for better stock control 🧑‍💼Suitable for: Service and trading (B2B) businesses in all packages 🎯Highlight: A new product requisition function is now available in the Products menu for internal stock usage, such as marketing giveaways or damaged items. The system automatically records both accounting entries and stock movements, enabling more accurate and organized stock control. 📌 Note: For Free and Basic packages, product requisition can be issued, but no accounting entries will be created. Example product requisition ✨ 3. Improved product movement page for easier stock lookup 🧑‍💼 Suitable for: All businesses tracking stock by lot 🎯 Highlight: The product movement page has been enhanced to make stock monitoring faster and more accurate, including: 📌 Note: Default lot date range is set to “last month – this month. ✨ 4. Faster and clearer bank reconcile with new columns and multi-select 🧑‍💼 Suitable for: Accountants using the bank reconcile function 🎯 Highlight: Column widths for amounts on the reconcile page have been adjusted for clearer visibility. Users can now also select multiple items at once, saving time and improving accuracy when matching balances. ✨ 5. System now remembers default date ranges for documents and journals even after refresh 🧑‍💼 Suitable for: All businesses 🎯 Highlight: When users adjust date ranges for document or journal views, the system now remembers the selected period even after refreshing or logging back in. Default date range is set to “last month – this month,” ensuring smoother, more consistent financial review.

อ่านบทความเพิ่มเติม

ข่าวสาร

อัปเดตข่าวประชาสัมพันธ์ โปรโมชั่น และเรื่องต่างๆ ที่น่าสนใจ

อ่านบทความเพิ่มเติม

20 Aug 2025

PEAK Account

13 min

ระเบียบการแข่งขัน PEAK Digital Accounting Championship 2025

ไฟล์ระเบียบการแข่งขัน โครงการค้นหา “สุดยอดว่าที่นักบัญชี” แห่งยุคดิจิทัล ครั้งที่ 2 ประจำปี 2568วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เวลา 08.00 – 17.00 น.ณ อาคารอาทิตย์ อุไรรัตน์ ชั้น 3 ห้อง 301 มหาวิทยาลัยรังสิต 1. วัตถุประสงค์ 1.1 เพื่อสร้างเวทีให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ได้แสดงความสามารถ และทดสอบความรู้การใช้งานโปรแกรมบัญชีออนไลน์1.2 เพื่อกระตุ้นให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ทบทวน และเพิ่มพูนความรู้ด้านการบัญชี1.3 ส่งเสริมการทํางานร่วมกันเป็นทีม และเสริมสร้างความสามัคคีให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา1.4 มอบโอกาสให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา เข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนจากสถาบันอื่น 2. คุณสมบัติผู้เข้าแข่งขัน 2.1 ผู้เข้าแข่งขันต้องเป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือระดับปริญญาตรี โดยต้องมีสถานภาพเป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ณ วันสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน2.2 สมาชิกทีมละ 2 คน อายุไม่เกิน 25 ปี และศึกษาอยู่สถาบันเดียวกัน 3. ขอบเขตเนื้อหาการแข่งขัน 3.1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับบัญชี และภาษี3.2 การใช้งาน PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์3.3 การวิเคราะห์ และประยุกต์การใช้งาน PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ตามประเภทของธุรกิจ 4. การรับสมัคร 4.1 เปิดรับสมัครตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 25684.2 ทีมผู้เข้าแข่งขันสามารถสมัครผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ เท่านั้น4.3 ปิดรับสมัครการแข่งขันวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ภายในเวลา 23.59 น.4.4 ประกาศผลผู้มีสิทธิ์เข้าแข่งขันในรอบคัดเลือกในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ.2568 ผ่านทางเว็บไซต์ อีเมลผู้เข้าแข่งขัน และเฟสบุ๊คแฟนเพจ PEAK – โปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAKaccount.com4.5 ผู้เข้าแข่งขันสามารถทำแบบทดสอบรอบคัดเลือกได้โดยจะได้รับลิงก์เข้าสู่ระบบทดสอบ Flexiquiz ผ่านช่องทางอีเมล และจะสามารถเข้าทำแบบทดสอบได้ในวันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2568 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 4.5.1 ผู้เข้าแข่งขันจะต้องทำแบบทดสอบผ่านระบบที่กำหนดเท่านั้น4.5.2 ผู้เข้าแข่งขันแต่ละทีมจะต้องทำแบบทดสอบภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น4.5.3 แต่ละทีมสามารถทำแบบทดสอบได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น หากมีการส่งผลทดสอบ มากกว่า 1 ครั้ง ทางคณะกรรมการจะพิจารณาจากการส่งผลทดสอบครั้งแรกเท่านั้น 4.6 คณะกรรมการจะประกาศรายชื่อทีมที่ผ่านการคัดเลือกจํานวน 50 ทีม เพื่อแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ผ่านทางเว็บไซต์ อีเมลผู้เข้าแข่งขัน และเฟสบุ๊คแฟนเพจ PEAK – โปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAKaccount.com ในวันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 25684.7 กรณีสถาบันการศึกษาสมัครเข้าร่วมมากกว่า 3 ทีม ทางคณะกรรมการขอสงวนสิทธิ์ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศสูงสุด 3 ทีมต่อสถาบันศึกษา โดยคัดเลือกจากผลการทดสอบรอบคัดเลือกหมายเหตุ: หากทีมใดไม่ปฏิบัติตามข้อกําหนดข้างต้น คณะกรรมการจัดการแข่งขันจะตัดสิทธิ์จากการแข่งขัน ทั้งนี้คําตัดสินของคณะกรรมการจัดการแข่งขันถือเป็นที่สิ้นสุด 5. วัน เวลา และสถานที่จัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ทีมที่ได้รับคัดเลือกทั้ง 50 ทีม ต้องเข้าร่วมแข่งขันรอบชิงชนะเลิศวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เวลา 08.00 – 17.00 น. ณ อาคารอาทิตย์ อุไรรัตน์ ชั้น 3 ห้อง 301 มหาวิทยาลัยรังสิต 6. กำหนดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ 08.00 – 08.30 น. ลงทะเบียนรายงานตัวเข้าแข่งขัน08.30 – 09.00 น. พิธีเปิดการแข่งขัน09.00 – 12.30 น. การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ส่วนที่ 1-212.30 – 13.30 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน13.30 – 15.00 น. การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ส่วนที่ 315.00 – 16.00 น. กิจกรรมให้ความรู้จากวิทยากรพิเศษ16.00 – 17.00 น. ประกาศผลการแข่งขัน พิธีมอบรางวัล และกล่าวปิดงาน หมายเหตุ : ไม่มีบริการอาหารกลางวันให้แก่ผู้เข้าแข่งขัน อาจารย์ที่ปรึกษา และผู้ติดตาม ผู้เข้าสอบต้องนั่งประจำที่สอบ ก่อนเวลาสอบ อย่างน้อย 10 นาที 7. รูปแบบและเกณฑ์การพิจารณาในการตัดสินผลการแข่งขัน การแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 รอบ ได้แก่ รอบคัดเลือก และรอบชิงชนะเลิศ โดยแต่ละรอบมีเกณฑ์ และรายละเอียด ดังนี้ 7.1  รอบคัดเลือก เป็นการตอบคําถามรูปแบบปรนัย และอัตนัยผ่านระบบออนไลน์ รวม 20 คะแนน โดยใช้ระยะเวลาในการสอบ 60 นาที โดยมีเกณฑ์การพิจารณารอบคัดเลือก ดังนี้ 7.2  รอบชิงชนะเลิศ รอบชิงชนะเลิศประกอบด้วยการสอบ 3 ส่วน ผลรวม 80 คะแนน โดยแต่ละส่วนมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ ส่วนที่ 1 การวิเคราะห์โครงสร้างธุรกิจ (20 คะแนน)เป็นการตอบคําถามรูปแบบปรนัย และอัตนัยผ่านระบบออนไลน์ โดยใช้ระยะเวลาในการสอบ 30 นาทีเนื้อหาประกอบด้วย วิเคราะห์กิจกรรมหลักของธุรกิจจำลอง ความสัมพันธ์ของโครงสร้างทางการเงิน การสรุปประเด็นสำคัญ ส่วนที่ 2 การใช้งานโปรแกรม PEAK และเครื่องมืออื่นในงานบัญขี (40 คะแนน)เป็นการบันทึกบัญชีตามโจทย์ที่กําหนดให้ พร้อมนําข้อมูลทางบัญชีมาวิเคราะห์ และตอบคําถาม โดยใช้ระยะเวลาในการสอบ 60 นาทีเนื้อหาประกอบด้วย การบันทึกรายการบัญชีในระบบ PEAK การใช้เครื่องมือเพื่อช่วยในงานบัญชี เช่น AI, Excel การจัดทำรายงานสรุปข้อมูลบัญชี และภาษี ส่วนที่ 3 การวิเคราะห์ข้อมูล (20 คะแนน)เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลจากการทําข้อสอบส่วนที่ 2 โดยใช้ระยะเวลาในการสอบ 60 นาทีเนื้อหาประกอบด้วย วิเคราะห์งบการเงิน และอัตราส่วนทางการเงิน วิเคราะห์แนวโน้มจากข้อมูลบัญชี เช่น รายได้เพิ่มขึ้น/ลดลง, ต้นทุนสูงผิดปกติ, ลูกหนี้เกินกำหนด ฯลฯ เสนอแนวทางแก้ไข หรือพัฒนาธุรกิจ การนำเสนอความคิดเห็นเข้าใจง่าย และตรงประเด็น 8. ข้อปฏิบัติในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ 8.1 ผู้เข้าแข่งขันต้องนําโน้ตบุ๊กมาจํานวน 1 เครื่อง ต่อ 1 ทีม โดยทางบริษัทจะจัดเตรียมปลั๊กชาร์จไฟสําหรับโน้ตบุ๊ก และ Wifi ให้แก่ผู้เข้าแข่งขัน8.2 ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องแต่งกายด้วยชุดนักเรียน นิสิต นักศึกษา ของสถาบัน8.3 ผู้เข้าแข่งขันทุกคนในทีมต้องรายงานตัวพร้อมกัน และแสดงบัตรประจําตัวนักเรียน นิสิต นักศึกษา หรือบัตรประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ ภายในเวลาลงทะเบียน มิฉะนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน8.4 ห้ามผู้เข้าแข่งขันนําเครื่องเขียน เครื่องมือสื่อสาร เครื่องคํานวณ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ รวมถึงนาฬิกา Smart Watch เข้าแข่งขัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะมีการจัดเตรียมเครื่องเขียน และกระดาษทดให้แก่ผู้เข้าแข่งขัน8.5 ห้ามผู้เข้าแข่งขันยืมอุปกรณ์ใด ๆ จากผู้เข้าแข่งขันทีมอื่นขณะแข่งขัน8.6 ห้ามผู้เข้าแข่งขันกระทําการใด ๆ ที่ทุจริต หรือส่อเจตนาทุจริต8.7 ผู้เข้าแข่งขันที่มีอาการไข้ไอ เจ็บคอ หรือมีน้ำมูก หรือผลการตรวจ ATK เป็นบวก จะไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ แต่สามารถแข่งขันด้วยจํานวนสมาชิกที่เหลือได้ หมายเหตุ : หากฝ่าฝืนข้อปฏิบัติในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ คณะกรรมการจัดการแข่งขันจะตัดสิทธิ์จากการแข่งขัน ทั้งนี้คําตัดสินของคณะกรรมการจัดการแข่งขันถือเป็นที่สิ้นสุด 9. รางวัลการแข่งขัน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) รางวัลชนะเลิศ : โล่รางวัล เกียรติบัตร และเงินรางวัล มูลค่า 15,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รองชนะเลิศอันดับที่ 1 : โล่รางวัล เกียรติบัตร และเงินรางวัล มูลค่า 8,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รองชนะเลิศอันดับที่ 2 : โล่รางวัล เกียรติบัตร และเงินรางวัล มูลค่า 5,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รางวัลชมเชย : เกียรติบัตร และเงินรางวัล มูลค่า 2,000 บาท จํานวน 2 รางวัล ระดับปริญญาตรี รางวัลชนะเลิศ : โล่รางวัล เกียรติบัตร และเงินรางวัล มูลค่า 15,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รองชนะเลิศอันดับที่ 1 : โล่รางวัล เกียรติบัตร และเงินรางวัล มูลค่า 8,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รองชนะเลิศอันดับที่ 2 : โล่รางวัล เกียรติบัตร และเงินรางวัล มูลค่า 5,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รางวัลชมเชย : เกียรติบัตร และเงินรางวัล มูลค่า 2,000 บาท จํานวน 2 รางวัล ทั้งนี้สมาชิกของทีมที่เข้ารอบชิงชนะเลิศทั้ง 50 ทีม จะได้รับเกียรติบัตรโดย PEAK 10. ผู้รับผิดชอบโครงการ บริษัท พี ยู ยู เอ็น อินเทลลิเจนท์ จำกัด

4 Jul 2025

PEAK Account

5 min

สิทธิพิเศษลูกค้า PEAK เปิดเว็บกับ MakeWebEasy ลดสูงสุด 20%

สำหรับผู้ประกอบการและธุรกิจที่ใช้ PEAK อยู่แล้ว และกำลังมองหาช่องทางออนไลน์ในการเริ่มโปรโมทธุรกิจ หรือขยายธุรกิจบนออนไลน์ การสร้างเว็บไซต์ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ยังคงมีประสิทธิภาพและสร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจได้เป็นอย่างดี วันนี้ PEAK ได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ MakeWebEasy แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปของไทย ที่ทำให้ทุกธุรกิจเติบโตบนออนไลน์มามากกว่า 9,000 ธุรกิจ ขอมอบโปรโมชั่นสุดคุ้มที่ออกแบบมาให้ธุรกิจของคุณสามารถขยายตลาดบนออนไลน์ได้แบบครบครัน เลือกได้เลยตามความต้องการของคุณเอง 3 โปรโมชันเด็ด เฉพาะ สิทธิพิเศษลูกค้า PEAK เท่านั้น! สิทธิพิเศษแรก รับส่วนลด 10% เมื่อซื้อแพ็กเกจเว็บไซต์ของ MakeWebEasy เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเริ่มต้นมีเว็บไซต์อย่างรวดเร็วด้วยเทมเพลตเว็บไซต์ที่เรามีให้ สร้างสรรค์เว็บไซต์ได้ด้วยตัวเอง พร้อมฟีเจอร์ที่ทุกธุรกิจต้องการ เช่น ระบบตะกร้าสินค้า ระบบบทความ รองรับโค้ดสำหรับการทำโฆษณาในทุกช่องทาง     อ่านรายละเอียดบริการ : www.makewebeasy.com/th/website-package  สิทธิพิเศษที่สอง รับส่วนลด 15% เมื่อซื้อแพ็กเกจเว็บไซต์ และบริการเสริมจาก MakeWebEasy เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการมากกว่าเว็บไซต์พื้นฐาน โดยคุณสามารถเลือกรับบริการเสริม 1 บริการ เพื่อเสริมประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการเว็บไซต์ที่มีดีไซน์เฉพาะตัว สวยงาม และใช้งานง่าย ทีมออกแบบมืออาชีพของ MakeWebEasy จะช่วยสร้างสรรค์เว็บไซต์ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์คุณได้อย่างโดดเด่น ทำให้เว็บไซต์ของคุณดูน่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้ามากขึ้น อ่านรายละเอียดบริการ : www.makewebeasy.com/th/website-design  สำหรับผู้ที่ต้องการให้เว็บไซต์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นผ่านการทำการตลาด โดยโปรโมทเว็บไซต์ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาบน Google หรือการทำโฆษณาออนไลน์อย่าง Google Ads เพื่อเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์อย่างรวดเร็วและสร้างยอดขายได้ทันที อ่านรายละเอียดบริการ SEO : www.makewebeasy.com/th/seo-suggestion  อ่านรายละเอียดบริการ Google : www.makewebeasy.com/th/google-adwords  สิทธิพิเศษที่สาม รับส่วนลด 20% เมื่อซื้อแพ็กเกจเว็บไซต์ บริการออกแบบเว็บไซต์ + การตลาดออนไลน์ จาก MakeWebEasy แพ็กเกจที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับธุรกิจที่ต้องการโซลูชั่นทางธุรกิจออนไลน์แบบครบวงจร  เริ่มตั้งแต่การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง การออกแบบเว็บไซต์ที่เป็นเอกลักษณ์จากทีมดีไซน์เนอร์ ไปจนถึงการทำการตลาดออนไลน์ผ่านการวางโครงสร้างที่ถูกหลัก SEO และยิงโฆษณาให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักและสร้างยอดขายด้วย Google Ads  ________________________________ สิทธิพิเศษลูกค้า PEAK จาก MakeWebEasy หากคุณกำลังจะสร้างเว็บไซต์ใหม่ เวลานี้คุ้มที่สุด เพราะเราพร้อมมอบสิทธิพิเศษในการใช้บริการเว็บไซต์ของ MakeWebEasy ในราคาที่พิเศษกว่าใคร วันนี้ – 31 สิงหาคม 2568 เท่านั้น สนใจลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่  ________________________________ สอบถามรายละเอียดบริการสร้างเว็บไซต์กับ MakeWebEasy Facebook Page : www.facebook.com/makewebeasy  Add Line : 40xsm5339b  Call : 022177999 

อ่านบทความเพิ่มเติม